คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1652/2524

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

แม้โจทก์จะระบุพยานฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติ มาตรา87(2) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แต่ถ้าศาลเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจำเป็นต้องสืบพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี คือตัวโจทก์กับสัญญาเช่า ศาลก็มีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานเช่นว่านั้นได้

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยและบริวารรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและขนย้ายออกไปจากที่ดินแปลงพิพาท จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัย ข้อกฎหมายว่า “จำเลยฎีกาว่าโจทก์ไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยานภายในกำหนด ศาลรับฟังคำของโจทก์และเอกสารหมาย จ.1 ไม่ชอบ พิจารณาแล้ว คดีนี้ศาลกำหนดประเด็นข้อพิพาทให้จำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อนทุกประเด็นแล้วให้โจทก์สืบแก้ เมื่อจำเลยนำสืบเสร็จแล้ว โจทก์จึงขอยื่นบัญชีระบุพยาน ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับบัญชีระบุพยานของโจทก์ แต่อนุญาตให้สืบตัวโจทก์ได้ โจทก์สืบว่าจำเลยเช่าที่พิพาทตามสัญญาเช่าที่ดินท้ายฟ้อง เอกสารหมาย จ.1ปัญหาว่า ศาลจะรับฟังคำเบิกความของโจทก์และเอกสารหมาย จ.1 ได้หรือไม่ เห็นว่า แม้โจทก์จะระบุพยานฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติมาตรา 87(2) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง แต่ถ้าศาลเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม จำเป็นต้องสืบพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี ก็ให้ศาล มีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานเช่นว่านั้นได้ ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์รับฟังคำนายแสง บูรพศิขริน โจทก์ และสัญญาเช่าที่ดินพิพาทเอกสารหมาย จ.1 จึงเป็นการรับฟังพยานหลักฐานตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2) ให้อำนาจไว้”

พิพากษายืน

Share