คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1640/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่จำเลยย้ายภูมิลำเนาไปจากภูมิลำเนาเดิมที่ปรากฏในคำฟ้องโจทก์โดยจำเลยมิได้ยื่นคำแถลงให้ศาลทราบ และยังได้ทำคำร้องยื่นต่อศาลระบุภูมิลำเนาเดิม ถือว่าจำเลยยังคงมีภูมิลำเนาอีกแห่งตามภูมิลำเนาเดิม การส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยตามภูมิลำเนาเดิมจึงชอบด้วยกฎหมาย.

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497มาตรา 3 ลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 6 เดือน จำเลยอุทธรณ์ เมื่อศาลอุทธรณ์ทำคำพิพากษาเสร็จแล้วได้ส่งมายังศาลชั้นต้นเพื่ออ่านให้คู่ความฟัง ศาลชั้นต้นได้จัดการส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลย ณ บ้านเลขที่ 360/1 ถนนกลางเมือง ตำบลในเมือง อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นภูมิลำเนาตามคำให้การของจำเลยโดยมีนายสังคม สีน้ำคำ เป็นผู้รับหมวยเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2532ถึงวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในวันที่ 26 เมษายน 2532เวลา 9 นาฬิกา จำเลยไม่มาฟังคำพิพากษา ศาลชั้นต้นเชื่อว่าจำเลยมีพฤติการณ์หลบหนี จึงออกหมายจับจำเลยและเลื่อนการอ่านคำพิพากษาไปวันที่ 9 มิถุนายน 2532 เวลา 9 นาฬิกา โดยได้แจ้งวันนัดให้นายสุพจน์ ชัยสิงห์ทนายความของจำเลยทราบแล้วเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2532 ครั้นถึงกำหนดนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าวยังจับตัวจำเลยไม่ได้ ศาลชั้นต้นจึงอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ลับหลังจำเลย
จำเลยยื่นคำร้องว่า การที่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ลับหลังจำเลยเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2532 นั้นไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะจำเลยไม่เคยได้รับหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เลยบ้านเลขที่ 360/1 ถนนกลางเมือง ตำบลในเมือง อำเภอเมืองขอนแก่นจังหวัดขอนแก่นเป็นบ้านของบิดามารดาจำเลย โดยจำเลยมิได้อยู่อาศัยด้วยเนื่องจากได้ย้ายออกมาตั้งแต่ปี 2528 ตามเอกสารท้ายคำร้องหมายเลข 1 ปัจจุบันนี้จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 542/40ถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญ ตำบลสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานครตามเอกสารท้ายคำร้องหมายเลข 2 ในการส่งหมายนัดครั้งนี้บิดามารดาของจำเลยก็มิได้รู้เรื่อง นายสังคม สีน้ำคำ จะเป็นใครจำเลยไม่รู้จักและไม่มีความสัมพันธ์ใด ๆ กับจำเลย ส่วนการที่นายสุพจน์ ชัยสิงห์ทนายความของจำเลยได้รับหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ก็ไม่ทราบที่อยู่แห่งใหม่ของจำเลย เพราะจำเลยได้ย้ายออกจากบ้านเลขที่ 1939/45 ถนนรามคำแหง ซอย 21 แขวงหัวหมากเขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ซึ่งใช้เป็นสถานที่ติดต่อกับนายสุพจน์เกี่ยวกับคดีความของจำเลยในครั้งแรก โดยจำเลยไม่ได้แจ้งให้นายสุพจน์ทราบว่าได้ย้ายมาอยู่ที่บ้านตามเอกสารท้ายคำร้องหมายเลข 2 ตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม 2529 ด้วยเหตุนี้นายสุพจน์จึงไม่อาจแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยทราบได้กรณีดังกล่าวถือไม่ได้ว่าจำเลยได้รับหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์การที่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ลับหลังจำเลย เมื่อวันที่ 9มิถุนายน 2532 จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้มีคำสั่งเพิกถอนการอ่านคำพิพากษาของศาลชั้นต้น โดยให้ศาลชั้นต้นกำหนดนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ใหม่
ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้ว มีคำสั่งให้ยกคำร้องของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…ตามคำฟ้องของโจทก์ระบุว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 360 ถนนกลางเมือง ตำบลในเมืองอำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น จำเลยก็ยอมรับมาโดยตลอดโดยทำคำร้องลงวันที่ 22 พฤศจิกายน 2528 และลงวันที่ 4 ธันวาคม 2529ระบุว่าจำเลยมีภูมิลำเนา ณ สถานที่ดังกล่าวแม้ว่าในวันที่ 4ธันวาคม 2528 จำเลยจะได้ยื่นคำให้การต่อสู้คดีโดยระบุว่ามีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 360/1 ถนนกลางเมือง อำเภอเมืองขอนแก่นจังหวัดขอนแก่นก็ตาม แต่พฤติการณ์ที่จำเลยยอมรับตลอดมาดังกล่าวย่อมฟังได้ว่าจำเลยมีภูมิลำเนาตามที่ปรากฏในคำฟ้องของโจทก์เมื่อจำเลยย้ายภูมิลำเนาที่อยู่ไปจากภูมิลำเนาของจำเลยที่ปรากฏในขณะที่โจทก์ยื่นคำฟ้อง โดยจำเลยไม่ได้ยื่นคำแถลงให้ศาลทราบและยังได้ทำคำร้องยื่นต่อศาลระบุภูมิลำเนาเดิม จึงต้องถือว่าจำเลยยังคงมีภูมิลำเนาอีกแห่งหนึ่งโดยเฉพาะในการติดต่อกับจำเลยตามที่ปรากฏในคำฟ้องโจทก์ลงวันที่ 5 เมษายน 2527 คือที่บ้านเลขที่ 360 ถนนกลางเมือง ตำบลในเมือง อำเภอเมืองขอนแก่นจังหวัดขอนแก่น จำเลยจะโต้แย้งว่าจำเลยไม่ได้มีภูมิลำเนาตามที่ปรากฏในคำฟ้องหาได้ไม่ เมื่อพฤติการณ์แห่งคดีมีเหตุสงสัยว่าจำเลยหลบหนี และศาลชั้นต้นได้ออกหมายจับจำเลยแต่ไม่ได้ตัวจำเลยมาภายใน 1 เดือนนับแต่วันออกหมายจับ ศาลชั้นต้นจึงได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ลับหลังจำเลย เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2532นั้น จึงเป็นการอ่านโดยชอบด้วยกฎหมายแล้วคดีไม่มีเหตุให้เพิกถอนการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าว คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1ชอบแล้วฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share