แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
วันเกิดเหตุ ส. ขับรถยนต์คันที่โจทก์รับประกันภัยไว้ไปเรื่อย ๆ ด้วยความเร็วประมาณ 60-70 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเมื่อใกล้ถึงที่เกิดเหตุ รถยนต์คันที่จำเลยที่ 2รับประกันภัยไว้ได้แล่นข้ามเกาะกลางถนนเข้าชนรถยนต์คันที่ ส.ขับทันทีโดยส. ไม่ทันได้ใช้ห้ามล้อและแม้จำเลยที่ 2 จะให้การต่อสู้คดีว่า เหตุที่รถยนต์ของฝ่ายจำเลยที่ 2 เกิดชนกับรถยนต์ของฝ่ายโจทก์เป็นเพราะรถยนต์ของฝ่ายจำเลยที่ 2 ถูกรถยนต์บรรทุกน้ำมันพุ่งเข้าชนท้ายอย่างแรง ทำให้รถยนต์ของฝ่ายจำเลยที่ 2เสียหลักและเสียการทรงตัวหมุนข้างเกาะกลางถนนเข้าไปชนกับรถยนต์ของฝ่ายโจทก์ แต่จำเลยที่ 2 ก็มิได้นำสืบข้อเท็จจริงดังกล่าวให้ปรากฏ จึงต้องฟังว่าเหตุที่รถยนต์ชนกันเป็นเพราะความประมาทของรถยนต์ฝ่ายจำเลยที่ 2และมิใช่ความประมาทของ ส. เพราะเป็น เหตุการณ์กะทันหันไม่อาจใช้ห้ามล้อได้ทัน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดโดยจดทะเบียนที่นครโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น มีสาขาในประเทศไทย นายโนบูฮิโก๊ะ ซิบูยะ เป็นผู้รับมอบอำนาจของโจทก์ในประเทศไทย จำเลยที่ 2 เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด และเป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 1ง-8733 กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม2527 เวลาประมาณ 18.30 นาฬิกา จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์คันนี้ไปตามถนนวิภาวดีรังสิตด้วยความประมาทอย่างร้ายแรง พยายามแซงรถยนต์บรรทุกคันหนึ่งแต่ไม่สามารถแซงได้พ้น ทำให้รถยนต์ที่จำเลยที่ 1 ขับกระแทกเข้ากับเกาะกลางถนนแล้วเสียหลักแล่นข้ามเกาะกลางถนนไปขวางทางเดินรถของรถที่ขับสวนทางมาเป็นเหตุให้รถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ก.6760 สมุทรปราการที่โจทก์รับประกันภัยไว้และแล่นสวนทางมาพอดีชนกับรถยนต์คันที่จำเลยที่ 2 รับประกันภัยไว้ดังกล่าวเกิดความเสียหายมากไม่สามารถที่จะซ่อมให้อยู่ในสภาพเดิมได้ โจทก์ได้ชดใช้ค่าเสียหายตามสัญญากรมธรรม์ประกันภัยให้แก่บริษัทอาโอยาม่าไทย จำกัดผู้เอาประกันภัยรถยนต์คันนี้ไปแล้วเป็นเงิน 180,000 บาทโจทก์จึงเป็นผู้รับช่วงสิทธิจากบริษัทอาโอยาม่าไทย จำกัดเรียกค่าเสียหายจำนวน 180,000 บาท จากจำเลยทั้งสอง พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2527ซึ่งเป็นวันทำละเมิดจนถึงวันฟ้องคือวันที่ 11 พฤศจิกายน 2528เป็นค่าดอกเบี้ยจำนวน 11,250 บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระค่าเสียหายและดอกเบี้ยจำนวน 191,250 บาท แก่โจทก์ กับให้ชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงิน 180,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งสองจะชำระเสร็จสิ้น จำเลยที่ 1ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา จำเลยที่ 2 ให้การว่าการที่รถยนต์ชนกันมิได้เกิดจากความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 1แต่เกิดจากความประมาทเลินเล่อของผู้ขับรถยนต์บรรทุกน้ำมันสีขาวคันไม่ทราบหมายเลขทะเบียนทั้งนี้ขณะที่จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 1ง-8733 กรุงเทพมหานคร ด้วยความเร็วตามกฎหมาย เมื่อไปถึงบริเวณใกล้ที่เกิดเหตุได้มีรถยนต์บรรทุกน้ำมันดังกล่าวขับตามหลังรถยนต์ที่จำเลยที่ 1 ขับและได้พุ่งเข้าชนท้ายรถยนต์ของจำเลยที่ 1 อย่างแรง ทำให้รถยนต์ของจำเลยที่ 1 เสียหลักจำเลยที่ 1 ไม่สามารถควบคุมรถได้ เป็นเหตุให้รถยนต์ที่จำเลยที่ 1ขับเสียการทรงตัวหมุนข้ามเกาะกลางถนนเข้าไปในทางเดินรถของรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ก-6760 สมุทรปราการ แล้วชนกันขึ้น จำเลยที่ 1จึงมิใช่ผู้ทำละเมิด จำเลยทั้งสองจึงไม่ต้องรับผิดในความเสียหายของรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ก-6760 สมุทรปราการ การที่โจทก์กล่าวอ้างว่าได้ชดใช้ค่าเสียหายตามสัญญากรมธรรม์ให้แก่บริษัทอาโอยาม่าไทย จำกัด เป็นจำนวนเงิน 180,000 บาท นั้น จำเลยที่ 2ไม่รับรอง และหากได้ทำการซ่อมแซมรถยนต์แล้วจะเสียค่าใช้จ่ายเพียง10,000 บาท เท่านั้น ขอให้พิพากษายกฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 160,000 บาท แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 28 มกราคม 2528จนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ยุติในเบื้องต้นว่าโจทก์เป็นผู้รับประกันวินาศภัยรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ก-6760 สมุทรปราการ จำเลยที่ 2 เป็นผู้รับประกันวินาศภัยรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 1 ง-8733 กรุงเทพมหานคร วันเกิดเหตุนายสตรูกัน-ปานเดย์ ขับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ก-6760สมุทรปราการ มาตามถนนวิภาวดีรังสิต จากสะพานลอยหลักสี่มุ่งหน้าไปทางสะพานลอยเกษตร เมื่อใกล้จะถึงที่เกิดเหตุได้มีรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 1 ง-8733 กรุงเทพมหานคร มีจำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับสวนทางมาคนละฟากถนนแล่นข้ามเกาะกลางถนนเข้ามาในทางเดินรถของรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ก-6760 สมุทรปราการ เป็นเหตุให้รถยนต์ทั้งสองคันนี้ชนกัน และรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ก-6760 สมุทรปราการได้รับความเสียหาย คดีมีปัญหามาสู่ศาลฎีกาว่า เหตุที่รถยนต์ชนกันเป็นเพราะความประมาทของฝ่ายใด และค่าเสียหายของรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ก-6760 สมุทรปราการ มีเท่าใด
สำหรับปัญหาที่ว่า เหตุที่รถยนต์ชนกันเป็นเพราะความประมาทของฝ่ายใดนั้น เห็นว่า โจทก์มีนายสตรูกัน ปานเดย์ ผู้ขับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ก-6760 สมุทรปราการ มาเบิกความเป็นประจักษ์พยานต่อศาลว่าขณะเกิดเหตุพยานขับรถยนต์ไปเรื่อย ๆ ด้วยความเร็วประมาณ 60-70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รถยนต์คันที่จำเลยที่ 2รับประกันวินาศภัยไว้นั้นได้แล่นข้ามเกาะกลางถนนเข้าชนรถยนต์คันที่พยานขับทันที โดยพยานไม่ทันได้ใช้ห้ามล้อ จำเลยที่ 2มิได้นำสืบหักล้างให้เห็นเป็นอย่างอื่น จึงต้องฟังว่า นายสตรูกันขับรถยนต์มาด้วยความเร็วปกติแล้วรถยนต์ฝ่ายจำเลยที่ 2แล่นข้ามเกาะกลางถนนมาชนรถยนต์ที่นายสตรูกันขับโดยกะทันหันนายสตรูกันจึงมิได้เป็นฝ่ายประมาทเพราะเป็นเหตุการณ์กะทันหันไม่อาจใช้ห้ามล้อได้ทัน ที่จำเลยที่ 2 ให้การต่อสู้คดีไว้ว่าเหตุที่รถยนต์ของฝ่ายจำเลยที่ 2 เกิดชนกับรถยนต์ของฝ่ายโจทก์เป็นเพราะรถยนต์ของฝ่ายจำเลยที่ 2 ถูกรถยนต์บรรทุกน้ำมันสีขาวไม่ทราบหมายเลขทะเบียนพุ่งชนท้ายอย่างแรง ทำให้รถยนต์ของฝ่ายจำเลยที่ 2 เสียหลักและเสียการทรงตัวหมุนข้ามเกาะกลางถนนเข้าไปชนกับรถยนต์ของฝ่ายโจทก์นั้น จำเลยที่ 2 มิได้นำสืบข้อเท็จจริงดังกล่าวให้ปรากฏแต่อย่างใด จึงต้องฟังว่าเหตุที่รถยนต์ชนกันเป็นเพราะความประมาทของรถยนต์ฝ่ายจำเลยที่ 2
ส่วนปัญหาที่ว่า ค่าเสียหายของรถยนต์คันหมายเลขทะเบียนก-6760 สมุทรปราการ มีเท่าใดนั้น จากคำเบิกความของพยานโจทก์คือนายปรีชา สวัสดี ผู้จัดการอุบัติเหตุรถยนต์ของโจทก์กับนายคมกริช อินยะ พนักงานของบริษัทเอ.เอส.เซอร์เวย์ จำกัดผู้มีหน้าที่ตีราคาค่าเสียหายของรถยนต์ที่เอาประกันภัยไว้กับบริษัทโจทก์ ได้ความสอดคล้องต้องกันว่า นายคมกริช เป็นผู้ตีราคาค่าเสียหายของรถยนต์ฝ่ายโจทก์แล้วปรากฏว่าได้รับความเสียหายมากตามภายถ่ายหมาย จ.7 โจทก์จึงได้จ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัยไปเต็มจำนวนตามที่ได้ทำประกันไว้เป็นเงิน180,000 บาท ตามใบรับเงินค่าสินไหมเอกสารหมาย จ.9 และเมื่อได้พิจารณาสภาพความเสียหายของรถยนต์คันดังกล่าวตามภาพถ่ายหมาย จ.7 กับคำเบิกความของนายณรงค์ศักดิ์ ณรงค์ไตรรัตน์เจ้าหน้าที่ประเมินราคาค่าเคาะพ่นสีรถยนต์ของอู่ซ่อมรถยนต์เลี่ยงเฮงไถ่พยานโจทก์ก็ยืนยันว่าค่าเสียหายของรถยนต์คันนี้ประมาณ150,000 บาท เฉพาะเครื่องยนต์จะต้องทำการเปลี่ยนโดยใช้เครื่องในสภาพใหม่ ส่วนตัวถังรถนั้นจะต้องเปลี่ยนของใหม่ทั้งสิ้นด้วยทางโจทก์จึงไม่ยอมซ่อมแต่ตกลงขายซากรถยนต์ดังกล่าวแก่อู่ซ่อมรถแห่งนี้ในราคา 20,000 บาท เท่านั้น จำเลยที่ 2 มิได้นำสืบหักล้างให้เห็นเป็นอย่างอื่น ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า รถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ก-6760 สมุทรปราการ เสียหายมากจนโจทก์ไม่อาจซ่อมแซมให้คืนสภาพเดิมได้ จึงยอมขายซากรถยนต์แก่อู่ซ่อมรถยนต์เลี่ยงเฮงไถ่ไปในราคา 20,000 บาท แล้วโจทก์ได้จ่ายค่าสินไหมทดแทนให้ผู้เอาประกันไปเต็มตามสัญญาเป็นเงิน 180,000 บาท และเมื่อหักค่าซากรถยนต์ที่โจทก์ขายได้แล้ว โจทก์จึงรับช่วงสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลยทั้งสองเป็นเงิน 160,000 บาทตามที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้นชอบแล้วฎีกาของจำเลยที่ 2 ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน