คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 633/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีก่อนจำเลยฟ้องขับไล่โจทก์ออกจากที่ดินตาม ส.ค.1 เลขที่ 10/98 และ68/98 อ้างว่าโจทก์ได้เช่าที่ดินดังกล่าวของจำเลยกับผู้อื่นตามสัญญาเช่าเอกสารท้ายฟ้อง ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์ได้เช่าที่ดินดังกล่าวตามสัญญาเช่าเอกสารท้ายฟ้อง พิพากษาให้ขับไล่โจทก์ หมายความว่าศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยแล้วว่า โจทก์อยู่ในที่ดินตามฟ้องโดยอาศัยสัญญาเช่า และไม่มีสิทธิครอบครอง การที่โจทก์มาฟ้องคดีนี้ขอให้พิพากษาว่าโจทก์เป็นเจ้าของผู้มีสิทธิครอบครองที่ดิน ส.ค.1 เลขที่ 10/98 และ68/98 และสัญญาเช่าท้ายฟ้องคดีก่อนเป็นโมฆะ เท่ากับโจทก์ขอให้ศาลมีคำพิพากษาในประเด็นที่ได้วินิจฉัยชี้ขาดไปแล้วในคดีก่อนซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ การฟ้องคดีนี้ของโจทก์จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144
คดีนี้ศาลชั้นต้นยกฟ้อง มิใช่มีคำสั่งไม่รับฟ้อง จึงไม่อาจสั่งคืนค่าธรรมเนียมทั้งหมดให้โจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 151 ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นางผิว จันตะเคียน เคยเป็นเจ้าของที่ดินส.ค.๑ เลขที่ ๑๐/๙๘เนื้อที่ประมาณ ๑๐ ไร่ และ ส.ค.๑ เลขที่ ๖๘/๙๘ เนื้อที่ประมาณ ๓๙ ไร่ ที่ดินทั้งสองอยู่ติดกันอยู่หมู่ที่ ๗ ตำบลคลองด่าน อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ ต่อมานางผิวยกที่ดิน ส.ค.๑เลขที่ ๑๐/๙๘ ให้แก่โจทก์และนางตองอ่อนภริยาของโจทก์ และนางผิวกับทายาทนางผิวได้ขายที่ดินส.ค.๑ เลขที่ ๖๘/๙๘ ให้แก่โจทก์ โจทก์ปลูกบ้านเลขที่ ๗๗/๑ อยู่บนที่ดินมาเป็นเวลาประมาณ ๒๐ ปีโดยทายาทอื่นของนางผิวไม่เคยเกี่ยวข้องด้วย จำเลยได้หลอกลวงโจทก์ว่า จะไปทำการออกโฉนดที่ดินให้และให้โจทก์ลงชื่อในเอกสาร ต่อมาจำเลยมาฟ้องขับไล่โจทก์ออกจากที่ดินดังกล่าว โจทก์จึงทราบว่าเอกสารที่จำเลยให้โจทก์ลงชื่อเป็นแบบพิมพ์สัญญาเช่า ในที่สุดศาลพิพากษาให้ขับไล่โจทก์ตามคดีหมายเลขดำที่ ๑๗๑๒/๒๕๓๐ คดีหมายเลขแดงที่ ๑๘๐/๒๕๓๑ ของศาลชั้นต้น คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ซึ่งในคดีเดิมศาลมิได้วินิจฉัยถึงประเด็นที่ว่า ใครเป็นเจ้าของที่ดิน ส.ค.๑เลขที่ ๑๐/๙๘ และ ๖๘/๙๘ และสัญญาเช่าที่จำเลยนำมาฟ้องเป็นโมฆะหรือไม่ โจทก์จึงมาฟ้องคดีนี้ขอให้พิพากษาว่าโจทก์เป็นเจ้าของและผู้มีสิทธิครอบครองที่ดิน ส.ค.๑ เลขที่ ๑๐/๙๘ และเลขที่๖๘/๙๘ หมู่ ๗ ตำบลคลองด่าน อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ ห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้องและพิพากษาว่าสัญญาเช่าลงวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๒๙ ที่จำเลยนำไปใช้ฟ้องโจทก์ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๑๘๐/๒๕๓๑ ของศาลชั้นต้นเป็นโมฆะ
ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้ว มีคำสั่งว่า โจทก์ตั้งประเด็นมาในคำฟ้องเพื่อขอให้ศาลวินิจฉัยว่า โจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่พิพาท จำเลยไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่ ซึ่งเป็นประเด็นเดียวกับที่ศาลได้วินิจฉัยชี้ขาดในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๑๘๐/๓๕๓๑ จึงเป็นการรื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา๑๔๘ เป็นฟ้องซ้ำ ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การฟ้องคดีนี้ของโจทก์เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๑๘๐/๒๕๓๑ ของศาลชั้นต้น ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๑๔๔ ศาลชั้นต้นสั่งรับฟ้องไว้แล้ว ที่ศาลชั้นต้นสั่งให้ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับ จึงมีอำนาจสั่งได้พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีปรากฏตามคำพิพากษาคดีแพ่งหมายเลขดำที่ ๑๗๑๒/๒๕๓๐หมายเลขแดงที่ ๑๘๐/๒๕๓๑ ระหว่างนายทองหล่อ จันตะเคียน (จำเลยคดีนี้) โจทก์ นายสุเทพจันตะเคียน (โจทก์คดีนี้) จำเลย ของศาลชั้นต้น เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข ๖ ว่า ในคดีดังกล่าวจำเลยได้ฟ้องขับไล่โจทก์ออกจากที่ดินตาม ส.ค.๑ เลขที่ ๑๐/๙๘ และ ๖๘/๙๘ โดยกล่าวอ้างว่าโจทก์ได้เช่าที่ดินดังกล่าวของจำเลยกับผู้อื่นตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข ๕ และศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยว่า โจทก์ได้เช่าที่ดินดังกล่าวจากจำเลยตามสัญญาเช่าเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข ๕ พิพากษาให้ขับไล่โจทก์ หมายความว่า ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยแล้วว่าโจทก์อยู่ในที่ดินตามฟ้องโดยอาศัยสัญญาเช่าและไม่มีสิทธิครอบครอง ดังนั้น การที่โจทก์คดีนี้ขอให้พิพากษาว่า โจทก์เป็นเจ้าของผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินตาม ส.ค.๑ เลขที่ ๑๐/๙๘ และ ๖๘/๙๘ และสัญญาเช่าเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข ๕ เป็นโมฆะเท่ากับโจทก์ขอให้ศาลมีคำพิพากษาในประเด็นที่ได้วินิจฉัยชี้ขาดไปแล้วในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่๑๘๐/๒๕๓๑ ของศาลชั้นต้น ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ การฟ้องคดีนี้ของโจทก์จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๔คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง มิใช่มีคำสั่งไม่รับฟ้อง จึงไม่อาจสั่งคืนค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดให้โจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๕๑ ได้ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share