คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 306/2485

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อศาลเห็นว่ามีการประวิงความ ก็มีอำนาจสั่งงดการสืบพะยานได้ คดีมีการประวิงความหรือไม่นั้น เป็นปัญหาข้อเท็จจริง.

ย่อยาว

ในคดีเรื่องที่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยส่งแร่ที่ขุดได้ และห้ามมิให้ขุดแร่ในที่ของโจทก์ในการพิจารณาคดีจำเลยอ้างหนังสือสัญญาซึ่งว่าโจทก์ทำให้สามีจำเลยที่ ๑ ไว้ มีข้อความยอมให้สามีจำเลยที่ ๑ ทำเหมืองแร่และถือสิทธิในที่ดิน+ของโจทก์ โจทก์ยอมไม่เกี่ยวข้องในที่ดินเหยียบย่ำรายนี้ต่อไป
โจทก์ แถลงรับว่าข้อความที่กล่าวนั้นเกี่ยวกับที่พิพาทคดีนี้ แต่แถลงว่าไม่เคยทำหนังสือสัญญาให้ไว้แก่สามีจำเลยที่ ๑โจกย์จำเลยจึงตกลงกันกะประเด็นสืบเพียงข้อเดียวว่า หนังสือสัญญาที่จำเลยอ้างนั้น เป็นหนังสือปลอมหรือไม่ ถ้าเป็นหนังสือปลอมให้จำเลยเป็นฝ่ายแพ้ ไม่ปลอมให้โจทก์เป็นฝ่ายแพ้ ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วสั่งงดสืบวิจักขณพะยานของโจทก์เสียปากหนึ่ง โดยวินิจฉัยว่าโจทก์ประวิงความ และฟังว่าหนังสือนั้นไม่ปลอม พิพากษายกฟ้องโจทก์.
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน.
โจทก์ฎีกาว่า ศาลงดสืบวิจักขณพะยานไม่ชอบ ด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๘๕ และ ๔๐ ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงตามศาลอุทธรณ์ในเรื่องประวิงความ และเห็นว่าการที่โจทก์ประวิงความนั้น ศาลมีอำนาจงดการสืบพะยานได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๘๖ ส่วนมาตรา ๘๕ กล่าวถังหน้าที่และสิทธิของคูความที่จะนำพะยานหลักฐานมาสืบได้ภายใต้บังคับแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณานี้ มาตรา ๔๐ กล่าวถึงการขอเลื่อนคดี ไม่เกี่ยวแก่อำนาจศาลที่จะงดการสืบพะยานตามมาตรา ๘๖ จึงพิพากษายืน.

Share