คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1459/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อจำเลยถูกศาลออกหมายจับมาฐานขัดขืนไม่ยอมออกจากที่พิพาทจำเลยแถลงว่ารับรองจะออกไปจากที่พิพาทและไม่เกี่ยวข้องอีกแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ศาลชั้นต้นจึงสั่งปล่อยตัวไป คำแถลงของจำเลยเช่นนี้ เป็นการยอมรับว่าจำเลยยังคงอยู่ในที่พิพาทขณะที่ศาลมีคำสั่งและจะยอมออกไปโดยไม่มีข้อโต้แย้ง จำเลยจะฎีกาเถียงว่าจำเลยไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับที่พิพาทและไม่ได้ฝ่าฝืนคำบังคับของศาลย่อมฟังไม่ขึ้น
ศาลชั้นต้นออกหมายจับผู้ร้องซึ่งเป็นบุคคลภายนอกมาโดยถือว่าเป็นบริวารจำเลยซึ่งขัดขืนไม่ยอมออกจากที่พิพาท ผู้ร้องแถลงคัดค้านในวันที่ถูกจับตัวมาส่งศาลว่า ที่ที่ตนอยู่นั้นอยู่นอกที่พิพาทย่อมเท่ากับผู้ร้องต่อสู้ว่า ตนมิได้เป็นบริวารจำเลยและไม่ได้อยู่ในที่พิพาท ศาลจะต้องทำการไต่สวนระหว่างโจทก์กับผู้ร้องให้ได้ความว่า ผู้ร้องเป็นบริวารจำเลยและอยู่ในที่พิพาทจริงหรือไม่เสียก่อน จะด่วนจับขังผู้ร้องไปทีเดียวยังไม่ชอบ แม้ศาลจะได้ไต่สวนระหว่างโจทก์จำเลยในเรื่องเดียวกันนี้มาแล้ว ก็ไม่ผูกพันผู้ร้องซึ่งยังไม่เข้ามาในคดี

ย่อยาว

กรณีสืบเนื่องจากศาลพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์และให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ศาลได้ออกคำบังคับแล้ว จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำบังคับโจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลออกหมายจับจำเลยและบริวารมาขังจนกว่าจะปฏิบัติตามคำพิพากษา ศาลออกหมายนัดให้จำเลยมาศาลก่อน จำเลยไม่มา ศาลออกหมายจับ ต่อมาจำเลยที่ 1 มาศาลและแถลงว่าได้ออกไปจากทรัพย์พิพาทแล้ว โจทก์คัดค้านว่าจำเลยและบริวารยังไม่ได้ออกไป ศาลมีคำสั่งให้นัดไต่สวนระหว่างนั้นจำเลยที่ 1ได้ยื่นคำร้องเข้ามาอีกว่า จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ได้ออกไปจากทรัพย์พิพาทแล้ว โจทก์ยื่นคำร้องเพื่อลวงให้เข้าใจผิดในข้อเท็จจริงจะคลุมเอาสวนยางของนางลั่นหีดสิน แม่ยายจำเลยซึ่งอยู่ติดต่อไปทางทิศใต้มากกว่า ทั้ง ๆ ที่เป็นที่ดินคนละแปลงกัน

ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วฟังว่า นางลั่น หีดสิน เป็นบริวารจำเลย จำเลยที่ 1และนางลั่นบริวารยังอยู่ในที่พิพาท จึงมีคำสั่งให้หมายจับจำเลยที่ 1 และนางลั่นบริวารเพื่อดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 297 ต่อไป

วันที่ 28 กรกฎาคม 2513 ตำรวจจับจำเลยที่ 1 กับนางลั่นมาส่งศาลตามหมายจับ จำเลยที่ 1 แถลงต่อศาลรับรองว่าจะออกไปจากที่พิพาทและไม่เข้าไปเกี่ยวข้องอีกแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แต่นางลั่นยังยืนยันว่าไม่ยอมออกจากที่พิพาทโดยอ้างว่าที่ที่อยู่นี้อยู่นอกที่พิพาท ศาลชั้นต้นจึงสั่งขังนางลั่นไว้ ส่วนจำเลยที่ 1 รับว่าจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับที่พิพาทอีก จึงให้ปล่อยตัวไป

จำเลยที่ 1 และนางลั่นอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 1 และนางลั่นฎีกา

ข้อที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับที่พิพาทอีก ไม่ได้ฝ่าฝืนคำบังคับของศาลชั้นต้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ศาลชั้นต้นไต่สวนพยานโจทก์จำเลยแล้วฟังว่า จำเลยที่ 1 ยังขัดขืนอยู่ในที่พิพาท จึงออกหมายจับจำเลยที่ 1 มาเพื่อจะขังในวันที่จำเลยที่ 1 ถูกจับตัวมาส่งศาล จำเลยที่ 1 แถลงต่อศาลชั้นต้นตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 28 กรกฎาคม 2513 ว่า”รับรองจะออกไปจากที่พิพาทและไม่เข้าเกี่ยวข้องอีกแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป” ศาลชั้นต้นจึงสั่งให้ปล่อยตัวไป คำแถลงของจำเลยที่ 1 เป็นการยอมรับว่าจำเลยที่ 1 ยังคงอยู่ในที่พิพาทขณะที่ศาลมีคำสั่งและจะยอมออกจากที่พิพาทไปในวันที่จำเลยถูกจับตัวมาส่งศาลเป็นการยอมรับปฏิบัติไปตามคำสั่งคำบังคับของศาลทุกประการโดยไม่มีข้อโต้แย้ง จำเลยที่ 1 จะกลับฎีกาโต้เถียงข้อที่ได้ยอมรับต่อศาลและรับรองจะปฏิบัติตามคำสั่งคำบังคับไว้แล้วอีกหาได้ไม่ ฎีกาจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น

ส่วนนางลั่น หีดสิน ที่ศาลชั้นต้นออกหมายจับตัวมาขังในฐานะเป็นบริวารจำเลยและไม่ยอมออกไปจากที่พิพาทนั้น ได้ความว่านางลั่นได้เข้ามาในคดีเมื่อศาลชั้นต้นออกหมายจับตัวมา นางลั่นได้แถลงคัดค้านในวันที่ถูกจับตัวมาส่งศาลปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นลงวันที่ 28 กรกฎาคม 2513 ว่าที่ที่นางลั่นอยู่นั้นอยู่นอกที่พิพาท เท่ากับนางลั่นต่อสู้ว่านางลั่นมิได้เป็นบริวารจำเลยและไม่ได้อยู่ในที่พิพาท ถือได้ว่านางลั่นเพิ่งเข้ามาในคดีในตอนนี้และมีข้อโต้เถียงกับโจทก์แล้ว ศาลจะต้องทำการไต่สวนระหว่างโจทก์กับนางลั่นให้ได้ความว่านางลั่นเป็นบริวาร จำเลยอยู่ในที่พิพาทจริงหรือไม่เสียก่อน จะด่วนจับขังนางลั่นในฐานนี้ไปทีเดียวยังไม่ชอบ และจะถือเอาการไต่สวนระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ในครั้งแรก เป็นการไต่สวนในเรื่องของนางลั่นไปด้วยไม่ได้เพราะตอนนั้นนางลั่นยังมิได้เข้ามาในคดี ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นให้หมายจับนางลั่น หีดสิน บริวารจำเลยเพื่อดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 297 ไปทีเดียวนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย

พิพากษาแก้เป็นว่าให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่เกี่ยวแก่นางลั่น หีดสิน ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนระหว่างโจทก์กับนางลั่น หีดสิน แล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี นอกนั้นยืน

Share