แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์มิได้เป็นบุคคลตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1649เข้าไปจัดการทำศพของผู้ตายโดยสมัครใจเอง โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องเรียกค่าจัดการทำศพจากกองมรดกของผู้ตาย.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นหลานนายมูล ดงดอย เจ้ามรดก โดยเมื่อนายมูลถึงแก่ความตายแล้วโจทก์แต่ผู้เดียวเป็นผู้จัดการปลงศพนายมูล สิ้นค่าใช้จ่ายไป 23,561 บาท โจทก์แจ้งให้จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกของนายมูลนำเงินจำนวนดังกล่าวมาชำระให้โจทก์แต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยนำทรัพย์สินจากกองมรดกของนายมูล ชำระหนี้ค่าปลงศพแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่ใช่ทายาทของผู้ตาย ไม่มีอำนาจหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมายที่จะจัดการศพของผู้ตาย และทายาทของผู้ตายไม่ได้มอบหมายหรือมีคำสั่งศาลตั้งให้โจทก์เป็นผู้จัดการศพของผู้ตาย โจทก์เข้ามาจัดการโดยพลการ ไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้จากกองมรดกของนายมูล ดงดอย เป็นค่าปลงศพแก่โจทก์ จำนวน 22,961 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า นายมูล ดงดอย ผู้ตายมีบุตร 5 คนคือนางตุ้ย กุยคำ นางเพ็ญศรี ใจคำ นางปั๋น แสนคำลือนายปัน ดงดอย และจำเลย โจทก์เป็นบุตรของนางป้อ เพียรจิต น้องสาวของนายมูลผู้ตาย เมื่อนายมูลถึงแก่ความตายโจทก์ซึ่งมิใช่ทายาทของผู้ตายได้เข้าเป็นผู้จัดการทำศพ ในการนี้บุตรของผู้ตายทั้งห้าคนที่ไปในงานศพนี้โดยตลอดมิได้ทักท้วง หลังจากทำศพผู้ตายแล้วบุตรผู้ตายทั้งห้าคนปรึกษากันจะชดใช้เป็นค่าจัดการทำศพของผู้ตายจำนวนหนึ่ง น้อยกว่าที่โจทก์ฟ้องเรียกร้อง โจทก์ไม่ยอม ประเด็นที่จะวินิจฉัยมีว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องเรียกเงินค่าจัดการทำศพของผู้ตายหรือไม่ ข้อเท็จจริงได้ความต่อไปว่า บุตรผู้ตายทุกคนไปในงานศพของผู้ตายหลังจากโจทก์เริ่มจัดการทำศพของผู้ตายแล้ว โดยผู้ตายหรือศาลมิได้ตั้งโจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายหรือตั้งโจทก์เป็นผู้จัดการทำศพผู้ตายทั้งไม่ได้ความว่า บุตรของผู้ตายทั้งห้าคนซึ่งเป็นทายาทได้มอบหมายโดยชัดแจ้งตั้งให้โจทก์เป็นผู้จัดการทำศพของผู้ตาย ตามความในมาตรา 1649 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หากแต่เป็นเรื่องโจทก์ผู้มิใช่ทายาทของผู้ตายเข้าไปจัดการทำศพของผู้ตายโดยสมัครใจเอง อันเป็นการกระทำในหน้าที่ทางศีลธรรมและความเป็นญาติเนื่องจากโจทก์ได้รับที่ดินจากผู้ตายมา 1 แปลง แม้จะได้ความต่อไปอีกว่าระหว่างทำศพผู้ตายบุตรผู้ตายซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมมิได้ทักท้วงก็ดี หลังจากทำศพแล้ว บุตรผู้ตายทั้งห้าคนปรึกษาจะจ่ายเงินค่าทำศพให้โจทก์ส่วนหนึ่งก็ดี ก็ไม่พอฟังว่าทายาทของผู้ตายมอบหมายตั้งโจทก์เป็นผู้จัดการทำศพรายนี้โดยปริยาย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องเรียกค่าจัดการทำศพที่โจทก์จ่ายไปจากกองมรดกของผู้ตายตามนัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1649 ที่โจทก์ฎีกาว่า ถึงแม้จะฟังว่าการกระทำของโจทก์เป็นการเข้าทำกิจการแทนผู้อื่น โดยเขามิได้ว่าขานวานใช้ก็เป็นการจัดการงานนอกสั่งซึ่งสมประโยชน์ของตัวการ โจทก์มีสิทธิเรียกเงินคืนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 401 นั้น เป็นการนอกประเด็นจากคำฟ้องของโจทก์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น’
พิพากษายืน.