คำสั่งคำร้องที่ 2201/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอฎีกาอย่างคนอนาถาศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วเห็นว่า คดีของโจทก์มีเหตุผลอันสมควรที่จะฎีกา แต่คดีฟังไม่ได้ว่าโจทก์เป็นคนยากจนไม่มีทรัพย์สินพอที่จะเสียค่าธรรมเนียมในชั้นฎีกาได้ จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอฎีกาอย่างคนอนาถาของโจทก์ให้โจทก์นำเงินค่าธรรมเนียมชั้นฎีกามาวางศาลภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งโจทก์เห็นว่า นอกจากภาษีที่โจทก์ถูกจำเลยที่ 1 ประเมินตามที่พิพาทกันในคดีนี้แล้วโจทก์ยังถูกจำเลยที่ 1 ประเมินเรียกเก็บภาษีเงินได้สำหรับปี พ.ศ. 2526 และ 2527 อีกเป็นเงิน 3.7 ล้านบาทเศษและ 14 ล้านบาทเศษ ตามลำดับ และเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2528กระทรวงอุตสาหกรรมได้มีคำสั่งยกเลิกสำนักงานโจทก์ไปแล้ว ชนะสำนักงานโจทก์ถูกยกเลิก โจทก์มีทรัพย์สินอยู่ 2 ประเภท คือเงินที่อยู่ในธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด ซึ่งถูกกรมสรรพากรจำเลยที่ 1 ยึดไว้ทั้งหมด กับทรัพย์สินที่เป็นครุภัณฑ์และเครื่องใช้ในสำนักงานของโจทก์ซึ่งได้ถูกโอนไปให้กองทุนอ้อยและน้ำตาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตามพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาล พ.ศ. 2527 โจทก์จึงไม่มีทรัพย์สินใด ๆ เหลืออยู่เลย อนึ่ง ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าหากโจทก์ชนะคดีในที่สุดเงินฝากของโจทก์ที่ถูกจำเลยที่ 1 ยึดไว้ย่อมตกเป็นของกองทุนอ้อยและน้ำตาล จึงถือได้ว่าทรัพย์สินดังกล่าวเป็นของโจทก์นั้น โจทก์เห็นว่าโจทก์และกองทุนอ้อยและน้ำตาลนั้นเป็นคนละหน่วยงานไม่เกี่ยวข้องกัน แม้ว่าเงินดังกล่าวจะตกเป็นของกองทุนอ้อยและน้ำตาลก็ไม่เกี่ยวกับโจทก์แต่อย่างใดอีกทั้งเงินจะตกเป็นของผู้ใดก็เป็นเรื่องของอนาคต สมควรที่จะพิจารณาเพียงว่าขณะนี้โจทก์มีทรัพย์สินหรือไม่ เมื่อปรากฏว่าโจทก์ไม่มีทรัพย์สินใดโจทก์ย่อมตกเป็นคนยากจนอนาถา สมควรได้รับการยกเว้นค่าฤชาธรรมเนียมโปรดมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ดำเนินคดีในชั้นฎีกาอย่างคนอนาถาด้วย
หมายเหตุ ทนายจำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว(อันดับ 130)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนการประเมินของจำเลยที่ 1 และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 3 ถึงที่ 5
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอฎีกาอย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งยกคำร้องดังกล่าว (อันดับ 97,96,127)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 129)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ตามทางไต่สวนได้ความตรงตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์ยังมีความสามารถที่จะหาเงินมาชำระค่าธรรมเนียมในชั้นฎีกาได้ ที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้โจทก์ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นฎีกาชอบแล้ว ยกคำร้อง หากโจทก์ประสงค์จะดำเนินคดีในชั้นฎีกาก็ให้โจทก์นำเงินค่าธรรมเนียมในชั้นฎีกามาชำระภายในกำหนด 15 วันนับแต่วันทราบคำสั่งนี้

Share