คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1530/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยขับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 7 ข – 4075 โดยประมาทชนรถยนต์ที่โจทก์รับประกันภัยไว้เสียหาย โจทก์ได้ใช้ ค่าเสียหายแก่ผู้เอาประกันภัยไปแล้ว จึงรับช่วงสิทธิ เรียกร้องเอาแก่จำเลยแม้ทางพิจารณาจะได้ความว่ารถยนต์ที่ จำเลยขับเป็นรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 7 ข – 4095 ซึ่ง แตกต่างกับที่กล่าวในฟ้องก็ตาม ก็เป็นเพียงการแตกต่าง เกี่ยวกับเลขทะเบียนรถยนต์เท่านั้น ข้อสำคัญแห่งประเด็น อยู่ที่ว่าจำเลยได้ขับรถยนต์โดยประมาทชนรถยนต์ที่โจทก์ รับประกันภัยหรือไม่ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้ ขับรถยนต์โดยประมาทชนรถยนต์ที่โจทก์รับประกันภัยก็ชอบที่จะ ให้จำเลย ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ๗ ข-๔๐๗๕ โดยประมาทชนรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ๕ ม-๓๙๔๑ ซึ่งโจทก์รับประกันภัยไว้ได้รับความเสียหาย โจทก์ได้ชำระค่าซ่อมรถให้แก่ผู้เอาประกันภัยไปแล้ว จึงขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้ขับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ๗ ข-๔๐๗๕ ชนรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ๕ ม-๓๙๔๑ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า คดีคงมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า การที่โจทก์ฟ้องระบุเลขทะเบียนรถคันที่จำเลยขับชนว่าหมายเลขทะเบียน ๗ ข-๔๐๗๕ แต่ทางพิจารณาได้ความว่ารถที่จำเลยขับหมายเลขทะเบียน ๗ ข-๔๐๙๕ เช่นนี้จะถือว่าเป็นข้อแตกต่างในสาระสำคัญที่จะต้องยกฟ้องโจทก์หรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่าการที่โจทก์บรรยายฟ้องระบุเลขทะเบียนรถยนต์ที่จำเลยขับว่าเลขทะเบียน ๗ช-๔๐๗๕ แต่ข้อเท็จจริงได้ความว่า รถยนต์ที่จำเลยขับเลขทะเบียน ๗ข-๔๐๙๕ ก็เป็นเรื่องแตกต่างกันเกี่ยวกับเลขทะเบียนรถยนต์เท่านั้น เพราะข้อสำคัญแห่งประเด็นอยู่ที่ว่าจำเลยได้ขับรถยนต์โดยประมาทชนรถยนต์ที่โจทก์รับประกันหรือไม่ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้ขับรถยนต์โดยประมาทชนรถยนต์ที่โจทก์รับประกันภัย และโจทก์ได้รับช่วงสิทธิ แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องถึงเลขทะเบียนรถยนต์ที่จำเลยขับชนผิดไป เมื่อจำเลยเป็นผู้ทำละเมิด ก็ชอบที่จะบังคับให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ผู้รับช่วงสิทธิในฐานะที่จำเลยเป็นผู้ทำละเมิดได้
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share