แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องของโจทก์อ้างว่า ผู้ตายเป็นลูกจ้างได้ประสบอันตรายถึงแก่ความตายและเรียกเงินทดแทนแยกเป็นค่าทดแทนและค่าทำศพเท่ากับโจทก์อ้างสิทธิตามกฎหมายว่าด้วยเงินทดแทนตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงานแล้ว ส่วนจำนวนที่เรียกร้องจะถูกต้องหรือไม่เป็นเรื่องที่ศาลจะวินิจฉัยต่อไป ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม โรคหรือการเจ็บป่วยที่ทำให้ลูกจ้างถึงแก่ความตายอันเป็น ผลให้นายจ้างต้องจ่ายค่าทดแทน จะต้องเป็นโรคหรือการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นสืบเนื่องจากการทำงานของลูกจ้างโดยตรงดังนี้ เมื่อผู้ตายเดินตรวจสต๊อกในโชว์รูมแล้วลื่นล้มศีรษะฟาดพื้นถึงแก่ความตายโดยมีบาดแผลบริเวณแก้มขวาเพียงเล็กน้อย ประกอบทั้งการตรวจพิสูจน์ของแพทย์ว่าสาเหตุของ การตายเกิดจากหัวใจวาย และปรากฏว่าผู้ตายเป็นโรคหัวใจโตและลิ้นหัวใจรั่วอยู่ก่อนแล้ว โอกาสที่จะประสบอันตรายเพราะเกิดภาวะหัวใจวายโดยฉับพลันมีขึ้นเมื่อใดก็ได้ จึงถือไม่ได้ว่าผู้ตายถึงแก่ความตายด้วยโรคหรือการเจ็บป่วยซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากการทำงาน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า นายชนะผู้ตายเป็นสามีของโจทก์ เป็นลูกจ้างประจำบริษัทอุตสาหกรรมไทยมอเตอร์ จำกัด ได้รับค่าจ้างเดือนละ 13,990 บาท เมื่อวันที่ 26มีนาคม 2526 ขณะที่นายชนะกำลังเดินตรวจและสั่งงานอยู่ที่หน้าบริษัทได้ประสบอุบัติเหตุลื่นล้มหน้าฟาดกับพื้นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายในเวลาต่อมาถือได้ว่าเป็นการตายในขณะปฏิบัติตามหน้าที่ คณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนไม่จ่ายเงินทดแทนแก่โจทก์ โดยวินิจฉัยว่านายชนะมิได้ประสบอันตราย หรือเจ็บป่วยถึงแก่ความตายด้วยโรคซึ่งเกิดขึ้นเกี่ยวเนื่องจากการทำงาน โจทก์ไม่เห็นด้วยเพราะแพทย์มีใบรับรองว่านายชนะถึงแก่ความตายก่อนถึงโรงพยาบาลเกิดจากสาเหตุเป็นลม ศีษะฟาดพื้นและหัวใจวาย มีบาดแผลบริเวณแก้มขวาเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่ให้นายจ้าง จึงขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งของคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทน โดยให้จำเลยจ่ายเงินทดแทนแก่โจทก์จำนวน503,640 บาท และเงินค่าทำศพอีก 5,000 บาท
จำเลยให้การว่า นายชนะถึงแก่ความตายเกิดจากหัวใจวาย โดยเป็นโรคหัวใจโตผิดปกติ ลิ้นหัวใจรั่วมาก่อน หาได้เกิดขึ้นตามลักษณะหรือสภาพของงานที่ผู้ตายทำไม่ นายชนะเพียงแต่เดินตรวจและสั่งงานในสำนักงานแล้วเกิดล้มหน้าฟาดกับพื้น ซึ่งตามลักษณะงานไม่อาจทำให้ผู้ที่มีสุขภาพปกติถึงล้มตายได้ จึงเชื่อว่าการตายด้วยโรคหัวใจวายซึ่งเป็นโรคประจำตัวมาก่อนแล้ว ไม่ใช่เนื่องจากการทำงานหรือประสบอันตรายตามบทนิยามข้อ 2 ของประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานฯ ฉะนั้น คำสั่งของกรมแรงงานที่วินิจฉัยโดยคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนจึงเป็นการชอบแล้วสำหรับจำนวนเงินทดแทนที่โจทก์เรียกร้องนั้น โจทก์มิได้บรรยายข้อหาให้แจ้งชัดว่า อาศัยอะไรมาเป็นหลักฐานในการกำหนด จำเลยไม่อาจเข้าใจได้ จึงเป็นฟ้องที่เคลือบคลุม หากศาลวินิจฉัยว่าโจทก์มีสิทธิรับเงินทดแทนแล้ว ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง กำหนดการจ่ายเงินทดแทนฯ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2)ลงวันที่ 25 สิงหาคม 2525 กำหนดจ่ายเงินทดแทนไว้สูงสุดเพียงเดือนละ 6,000 บาท กำหนดเวลา 5 ปีก็ได้รับ 360,000 บาทเท่านั้น ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า ฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม ผู้ตายมีโรคประจำตัวหัวใจโตผิดปกติ เนื่องจากลิ้นหัวใจซ้าย 2 แห่งรั่ว โอกาสที่จะประสบภาวะหัวใจวายเป็นสมุฏฐานของโรคที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกขณะ การที่ผู้ตายเดินตรวจสต็อกในโชว์รูมอันเป็นเวลาระหว่างปฏิบัติหน้าที่ เกิดลื่นล้มศีรษะฟาดพื้น เนื่องจากบริเวณนั้นเป็นพื้นหินขัดมีน้ำแฉะเนื่องจากน้ำฝนรั่วจากหลังคาและลื่นเป็นเหตุส่งเสริมให้เกิดภาวะหัวใจวายได้ง่ายขึ้นหากไม่มีเหตุมาส่งเสริมผู้ตายอาจไม่ถึงหัวใจวายโดยฉับพลัน ถือได้ว่าเป็นการตายเนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้าง เป็นการประสบอันตรายตามบทนิยาม ข้อ 2 แห่งประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานฯ จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องจ่ายเงินทดแทนโดยคำนวณจากร้อยละหกสิบของค่าจ้างรายเดือน แต่ไม่เกินเดือนละ 6,000 บาท เป็นเวลาห้าปีเป็นเงิน 360,000 บาท นอกจากนี้ให้จำเลยจ่ายค่าทำศพอีก 5,000 บาท พิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนโดยให้จำเลยจ่ายค่าทดแทนแก่โจทก์ 360,000 บาท และเงินทำศพอีก 5,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ในชั้นต้นเห็นสมควรพิเคราะห์ก่อนว่าคำฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า คำฟ้องของโจทก์ได้แสดงโดยชัดแจ้งซึ่งสภาพแห้งข้อหาแล้ว โดยอ้างว่าผู้ตายเป็นลูกจ้างได้ประสบอันตรายถึงแก่ความตายและเรียกเงินทดแทนจากจำเลยแยกเป็นค่าทดแทน 503,640 บาท และค่าทำศพ 5,000 บาท เท่ากับว่าโจทก์ได้อ้างสิทธิตามกฎหมายในหมวด 6 ว่าด้วยเงินทดแทนตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน นั้นเอง ส่วนจำนวนที่เรียกร้องนั้นจะถูกต้องตามจำนวนที่กฎหมายกำหนดไว้หรือไม่ เป็นเรื่องที่ศาลจะได้พิจารณาวินิจฉัยต่อไป ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 103 ลงวันที่ 16 มีนาคม 2515ข้อ 2(6) ได้กำหนดให้กระทรวงมหาดไทยมีอำนาจกำหนดการคุ้มครองแรงงานโดยกำหนดความรับผิดของนายจ้างที่จะต้องจ่ายเงินทดแทนในกรณีลูกจ้างประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยหรือถึงแก่ความตายเนื่องจากการทำงาน หรือจากโรคซึ่งเกิดขึ้นตามลักษณะหรือสภาพของงานหรือโรคซึ่งเกิดขึ้นจากการทำงาน ซึ่งกระทรวงมหาดไทยจะได้กำหนดชนิดของโรคนั้น และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้อาศัยอำนาจดังกล่าวออกประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่อง โรคซึ่งเกิดขึ้นเกี่ยวเนื่องกับการทำงาน ลงวันที่ 16 เมษายน 2515 กำหนดให้โรคต่อไปนี้เป็นโรคที่เกิดขึ้นตามลักษณะหรือสภาพของงาน หรือโรคซึ่งเกิดขึ้นจากการทำงาน คือ
22. โรคหรือการเจ็บป่วยอย่างอื่น ซึ่งเป็นผลเนื่องจากการทำงาน
โรคหรือการป่วยอย่างอื่นที่ทำให้ลูกจ้างถึงแก่ความตายอันเป็นผลให้นายจ้างต้องจ่ายค่าทดแทนตามความในข้อนี้จะต้องเป็นโรคหรือการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นสืบเนื่องจากการทำงานของลูกจ้างโดยตรง หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ งานที่ลูกจ้างทำนั้นเป็นมูลให้เกิดโรคหรือการเจ็บป่วยขึ้น และเป็นเหตุให้ลูกจ้างถึงแก่ความตายด้วยโรคและอาการเจ็บป่วยดังกล่าว กรณีผู้ตายนี้ถึงแก่ความตายสืบเนื่องมาจากการลื่นล้มศีรษะฟาดกับพื้น ตามรายงานของแพทย์ว่าสาเหตุของการตายเกิดจากหัวใจวาย ซึ่งตามลักษณะของงานการเดินตรวจสต็อกในโชว์รูมไม่ใช่งานที่ต้องใช้กำลังแรง ไม่อาจทำให้เกิดโรคหรือการเจ็บป่วยถึงตายได้ โดยลำพังการลื่นล้มศีรษะฟาดกับพื้นก็มีบาดแผลบริเวณแก้มขวาเพียงเล็กน้อยเท่านั้นประกอบทั้งจากการตรวจพิสูจน์ของแพทย์ว่า สาเหตุของการตายเกิดจากหัวใจวาย ตามข้อเท็จจริงปรากฏว่าผู้ตายมีโรคประจำตัวอยู่ก่อนแล้วคือหัวใจโตและลิ้นหัวใจรั่วอันเป็นสมุฏฐานของโรคหัวใจ โอกาสที่จะประสบอันตรายเพราะหัวใจสูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงไม่ทันเกิดภาวะหัวใจวายโดยฉับพลันมีขึ้นเมื่อใดก็ได้การตายของผู้ตายจึงถือไม่ได้ว่าถึงแก่ความตายด้วยโรคหรือการเจ็บป่วยซึ่งเป็นผลเนื่องมาจากการทำงาน โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะได้รับเงินทดแทน
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์