แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ซึ่งใช้ป้ายทะเบียนปลอมโดยมีจำเลยที่ 2 นั่งซ้อนท้าย จำเลยที่ 1 มีปืนพกขนาด 11 มม. ไม่มีทะเบียนพกอยู่ที่เอวไม่ได้ความว่าจำเลยทั้งสองพบผู้ตายโดยบังเอิญหรือมีสาเหตุแห่งการยิงกันเกิดขึ้นในปัจจุบันทันที เมื่อจำเลยที่ 1 ขับขี่รถจักรยานยนต์ตามหลังรถยนต์ของผู้ตายเข้าไปใกล้ในระยะห่างพอควรจำเลยที่ 2 ก็ใช้ปืนยิงเข้าไปในรถของผู้ตายทางด้านหลังรถทันที จากนั้นจำเลยที่ 1 ก็ขับรถจะแซงรถของผู้ตายขึ้นไปในขณะที่รถยนต์ของผู้ตายแฉลบไปทางขวามือเพราะถูกยิงเพื่อจะพากันหลบหนี เป็นเหตุให้รถจักรยานยนต์คันที่จำเลยที่ 1 ขับชนกับรถยนต์ของผู้ตายจำเลยทั้งสองตกจากรถ จำเลยที่ 1 ได้รับบาดเจ็บจำเลยที่ 2 ใช้อาวุธปืนของจำเลยที่ 2 และของจำเลยที่ 1 ยิงผู้ตายอีกหลายนัดจนผู้ตายถึงแก่ความตายพฤติการณ์ดังนี้รับฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันกระทำความผิดฐานฆ่าผู้ตายแล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดหลายกรรม กรรมหนึ่งให้ลงโทษจำคุกตลอดชีวิตอีกสองกรรมให้ลงโทษจำคุก 1 ปี4 เดือน ศาลชั้นต้นจึงเปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นจำคุก50 ปี เพื่อเรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยมีความผิดกรรมเดียวซึ่งมีโทษจำคุกตลอดชีวิต กรณีไม่จำต้องเปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นจำคุก 50 ปี ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจลงโทษจำคุกจำเลยตลอดชีวิตโดยไม่เปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นจำคุก 50 ปีได้ มิใช่เป็นการพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงนายสินโดยเจตนาฆ่าและโดยไตร่ตรองไว้ก่อน นายสินถึงแก่ความตาย ร่วมกันมีอาวุธปืนสั้นขนาด .45 จำนวนสองกระบอกไม่มีหมายเลขทะเบียนซึ่งเป็นอาวุธปืนที่จำเลยทั้งสองใช้ยิงนายสิน กับกระสุนปืนอีก 14 นัดโดยไม่ได้รับอนุญาตและร่วมกันใช้ป้ายทะเบียนรถจักรยานยนต์ปลอม และจำเลยที่ 2 ได้ใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้ขัดขวางและพยายามฆ่าจ่าสิบตำรวจทีป เจ้าพนักงานตำรวจผู้จะเข้าทำการจับกุมจำเลยอีกด้วย จำเลยที่ 2 เคยต้องโทษจำคุกมาแล้ว ขอให้ลงโทษและเพิ่มโทษจำเลย
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ จำเลยที่ 2 รับข้อเคยต้องโทษระหว่างพิจารณาศาลอนุญาตให้นางสาวเบญจมาศบุตรผู้ตายเข้าเป็นโจทก์ร่วม
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4), 83 ให้ประหารชีวิต มีความผิดตามมาตรา 268, 83 จำคุกคนละ 1 ปี มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ จำคุกคนละ 1 ปี ลดโทษคนละหนึ่งในสามเหลือโทษจำคุกตลอดชีวิตกับโทษจำคุกอีก 1 ปี 4 เดือน เปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นโทษจำคุก 50 ปี คงจำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 51 ปี 4 เดือน สำหรับจำเลยที่ 2 มีความผิดตามมาตรา 289(2), 80 อีกกระทงหนึ่ง ของกลางริบ
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามมาตรา 288,83 ให้ประหารชีวิต ลดโทษให้หนึ่งในสามคงจำคุกตลอดชีวิต จำเลยที่ 2มีความผิดตามมาตรา 288, 83 และ 289(2) รวมสองกระทง เพิ่มโทษลดโทษและเปลี่ยนโทษแล้วคงจำคุกจำเลยที่ 2 94 ปี 5 เดือน 10 วัน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ก่อนจะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ตามหลังรถยนต์ของผู้ตายโดยมีจำเลยที่ 2 นั่งซ้อนท้ายพอจำเลยที่ 1 ขับรถจักรยานยนต์เข้าไปใกล้รถยนต์ของผู้ตาย จำเลยที่ 2ได้ใช้ปืนยิงผู้ตายทางด้านหลังรถผ่านกระจกหลังเข้าไปในรถ รถของผู้ตายแฉลบไปทางด้านขวามือและชนกับรถจักรยานยนต์อีกคันหนึ่งซึ่งแล่นสวนทางมา รถจำเลยที่ 1 จะแซงขึ้นไปจึงได้ชนท้ายรถของผู้ตายรถจักรยานยนต์จำเลยที่ 1 ล้มลง จำเลยทั้งสองตกจากรถ จำเลยที่ 1ได้รับบาดเจ็บ จำเลยที่ 2 กับผู้ตายต่างใช้ปืนยิงต่อสู้กัน โดยจำเลยที่ 2ใช้อาวุธปืนของจำเลยที่ 2 และของจำเลยที่ 1 ยิงผู้ตายอีกหลายนัดผู้ตายถึงแก่ความตาย แล้ววินิจฉัยว่า การที่จำเลยที่ 1 มีปืนพกขนาด 11 มม. ไม่มีทะเบียนพกอยู่ที่เอว จำเลยทั้งสองมาด้วยกันโดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ซึ่งใช้ป้ายทะเบียนปลอม จำเลยที่ 2 นั่งซ้อนท้ายไม่ได้ความว่าจำเลยทั้งสองพบผู้ตายโดยบังเอิญ หรือมีสาเหตุแห่งการยิงกันเกิดขึ้นในปัจจุบันทันที เมื่อจำเลยที่ 1 ขับขี่รถจักรยานยนต์ตามหลังรถยนต์ของผู้ตายเข้าไปใกล้ในระยะห่างพอสมควร จำเลยที่ 2 ก็ใช้ปืนยิงเข้าไปในรถของผู้ตายทางด้านหลังรถทันที จำเลยที่ 2 ใช้ปืนยิงไปแล้ว จำเลยที่ 1 ก็ขับรถจะแซงรถของผู้ตายขึ้นไปในขณะที่รถยนต์ของผู้ตายแฉลบไปทางขวามือเพราะถูกยิง จึงเป็นเหตุให้รถจักรยานยนต์คันที่จำเลยที่ 1ขับชนกับรถของผู้ตาย การที่จำเลยที่ 1 ขับรถเพื่อจะแซงรถของผู้ตายขึ้นไปก็น่าเชื่อว่าจะพากันหลบหนี คำให้การชั้นสอบสวนกับคำเบิกความในชั้นศาลของจำเลยที่ 1 ขัดแย้งกันเป็นอย่างมากรับฟังไม่ได้ ตามพฤติการณ์แห่งคดีรับฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้ร่วมกันกระทำความผิดฐานฆ่าผู้ตายแล้ว และคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน มีความผิดฐานใช้เอกสารปลอม และมีความผิดฐานมีอาวุธปืนฯ อีกสองกระทงอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ซึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 2 การที่ศาลจะเรียงกระทงลงโทษจำเลยที่ 1 จึงต้องเปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นโทษจำคุก 50 ปี แต่กรณีของจำเลยที่ 1 นี้ ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายกฟ้องในข้อหาฐานใช้เอกสารหมายเลขทะเบียนปลอมและข้อหาตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน คงลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นตามมาตรา 288, 83 เพียงกระทงเดียว จึงไม่มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นโทษจำคุก 50 ปี ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจที่จะปรับบทลงโทษจำเลยที่ 1 เสียใหม่ให้ถูกต้องโดยไม่เปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นจำคุก 50 ปี
พิพากษายืน