คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2958/2544

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ผู้ร้องเป็นภริยาจำเลยแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ผู้ร้องทำงานในบริษัทแห่งหนึ่ง ส่วนจำเลยประกอบอาชีพเปิดอู่ซ่อมรถและซ่อมเครื่องเสียงที่บ้าน ผู้ร้องอ้างว่าซื้อรถจักรยานยนต์ของกลางให้จำเลยเพื่อใช้รับส่งลูกไปโรงเรียนซึ่งโดยสภาพของรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวเป็นรถขนาดใหญ่ไม่เหมาะที่ผู้ร้องจะใช้งานแสดงว่าผู้ร้องมอบรถจักรยานยนต์ให้จำเลยใช้ในลักษณะเป็นเจ้าของ ประกอบกับจำเลยมีพฤติกรรมจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนมาก่อนแต่เพิ่งถูกจับกุมในคดีนี้เป็นครั้งแรก จึงไม่น่าเชื่อว่าผู้ร้องจะไม่มีโอกาสทราบหรือไม่มีเหตุอันควรสงสัยว่าจำเลยจะนำรถจักรยานยนต์ของกลางไปใช้ในการกระทำความผิด ที่ศาลล่างทั้งสองสั่งริบรถจักรยานยนต์นั้นชอบแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ยื่นคำร้องว่า โจทก์ได้ยื่นฟ้องจำเลยในข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งคดีนี้เจ้าพนักงานยึดรถจักรยานยนต์ซูซูกิสีน้ำเงิน – ขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร4 ว – 3324 จำนวน 1 คัน อันเป็นทรัพย์สินที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดโดยใช้ขับไปติดต่อนำยาเสพติดให้โทษไปส่งให้แก่ผู้ซื้อ และใช้ในการวางแผนส่งมอบยาเสพติดให้โทษให้แก่ลูกค้าเป็นของกลาง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 30 และ 31 แห่งพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 ขอให้ศาลมีคำสั่งริบรถจักรยานยนต์ของกลางให้ตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด

พนักงานเจ้าหน้าที่ประกาศในหนังสือพิมพ์รายวันที่มีจำหน่ายแพร่หลายในท้องถิ่นอย่างน้อยสองวันติดต่อกัน เพื่อให้บุคคลซึ่งอาจอ้างว่าเป็นเจ้าของทรัพย์สินมายื่นคำร้องขอเข้ามาในคดีแล้ว

ผู้ร้องยื่นคำร้องคัดค้านว่า รถจักรยานยนต์ของกลางเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง ผู้ร้องเป็นภริยาจำเลยประกอบอาชีพซ่อมรถยนต์และรถจักรยานยนต์ จำเลยถูกจับขณะขับรถจักรยานยนต์ของกลางไปซื้ออะไหล่รถยนต์ ไม่ได้ใช้ในการกระทำความผิดและผู้ร้องไม่ได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดแต่อย่างใด ขอให้คืนรถจักรยานยนต์ของกลางแก่ผู้ร้อง

ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำพิพากษาริบรถจักรยานยนต์ของกลางให้ตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่าผู้ร้องมีเหตุตามกฎหมายที่จะมาร้องขอให้ศาลสั่งคืนรถจักรยานยนต์ได้หรือไม่ เห็นว่า ผู้ร้องเป็นภริยาจำเลย แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสผู้ร้องทำงานในบริษัทแห่งหนึ่ง ส่วนจำเลยประกอบอาชีพเปิดอู่ซ่อมรถและซ่อมเครื่องเสียงที่บ้าน ผู้ร้องอ้างว่าซื้อรถจักรยานยนต์ของกลางให้จำเลยเพื่อใช้รับส่งลูกไปโรงเรียนซึ่งโดยสภาพของรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวเป็นรถขนาดใหญ่ ไม่เหมาะที่ผู้ร้องจะใช้งาน แสดงว่าผู้ร้องมอบรถจักรยานยนต์ให้จำเลยใช้ในลักษณะเป็นเจ้าของ ประกอบกับก่อนที่ร้อยตำรวจเอกสถาพรจะจับกุมจำเลย จำเลยมีพฤติกรรมจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนมาก่อน แต่เพิ่งถูกจับกุมในคดีนี้เป็นครั้งแรก จึงไม่น่าเชื่อว่าผู้ร้องจะไม่มีโอกาสทราบหรือไม่มีเหตุอันควรสงสัยว่าจำเลยจะนำรถจักรยานยนต์ไปใช้ในการกระทำความผิดที่ศาลล่างทั้งสองสั่งริบรถจักรยานยนต์ของกลางให้ตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดพ.ศ. 2534 มาตรา 30, 31 โดยไม่คืนรถจักรยานยนต์ของกลางแก่ผู้ร้องนั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share