คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1508/2550

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีนี้แม้โจทก์จะตั้งรูปคดีว่าโจทก์ค้างชำระค่าเช่าซื้อเพียง 120,186 บาท แต่จุดประสงค์หลักของโจทก์ต้องการชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระทั้งหมด เพื่อให้จำเลยทั้งสองโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ที่เช่าซื้อแก่โจทก์ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ค้างชำระค่าเช่าซื้อจำนวน 185,186 บาท ศาลก็มีอำนาจพิพากษาให้โจทก์ชำระเงินค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระที่แท้จริงดังกล่าวให้จำเลยทั้งสองและให้จำเลยทั้งสองโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ที่เช่าซื้อให้โจทก์ได้โดยไม่ถือว่าเป็นการพิพากษาเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันรับชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างทั้งหมดจำนวน 120,186 บาท จากโจทก์ กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันโอนกรรมสิทธิ์และจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อเจ้าของรถยนต์ที่เช่าซื้อดังกล่าวให้เป็นชื่อของโจทก์ภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา หากจำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาแทน
จำเลยทั้งสองให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจวินิจฉัยว่า… คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า ศาลมีอำนาจพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันรับชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระจำนวนเกินกว่าที่โจทก์กล่าวมาในคำฟ้องและคำขอท้ายฟ้องและให้จำเลยทั้งสองร่วมกันโอนกรรมสิทธิ์และจดทะเบียนโอนรถยนต์ที่เช่าซื้อให้โจทก์ได้หรือไม่ เห็นว่า สัญญาเช่าซื้อเป็นสัญญาต่างตอบแทนที่เจ้าของเอาทรัพย์สินออกให้เช่าและให้คำมั่นว่าจะขายทรัพย์สินนั้น หรือว่าจะให้ทรัพย์สินนั้นตกเป็นสิทธิแก่ผู้เช่าโดยเงื่อนไขที่ผู้เช่าได้ใช้เงินเป็นจำนวนเท่านั้นเท่านี้คราว ดังนั้น เมื่อสัญญาเช่าซื้อระหว่างโจทก์และจำเลยที่ 1 ยังมีผลใช้บังคับ โจทก์ในฐานะผู้เช่าซื้อย่อมมีหน้าที่ต้องชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระทั้งหมด โดยจำเลยที่ 1 ต้องรับชำระค่าเช่าซื้อและโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ที่เช่าซื้อให้โจทก์เป็นการตอบแทน แม้คดีนี้โจทก์จะตั้งรูปคดีมาว่าโจทก์ค้างชำระค่าเช่าซื้อเพียง 120,186 บาท แต่จุดประสงค์หลักของโจทก์ต้องการชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระทั้งหมดเพื่อให้จำเลยทั้งสองโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ที่เช่าซื้อแก่โจทก์ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ค้างชำระค่าเช่าซื้อจำนวน 185,186 บาท ศาลก็มีอำนาจพิพากษาให้โจทก์ชำระเงินค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระที่แท้จริงดังกล่าวให้จำเลยทั้งสองและให้จำเลยทั้งสองโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ที่เช่าซื้อให้โจทก์ได้โดยไม่ถือว่าเป็นการพิพากษาเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง
พิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันรับชำระเงินค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระจำนวน 185,186 บาท จากโจทก์ และให้จำเลยทั้งสองโอนกรรมสิทธิ์และจดทะเบียนโอนรถยนต์ที่เช่าซื้อคันพิพาทให้เป็นชื่อของโจทก์เมื่อโจทก์ได้ชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระจำนวนดังกล่าวครบถ้วนแล้ว หากจำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาตามคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสอง ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ.

Share