คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1507/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถด้วยความประมาทโดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่ารถที่จำเลยขับมีสภาพเก่าและชำรุดมาก มีเครื่องอุปกรณ์ส่วนประกอบไม่ครบถ้วน ไม่มั่นคงแข็งแรงพอที่จะขับขี่ไปในถนนหลวง หรือจะจัดการแก้ไขซ่อมแซมให้มั่นคงเสียก่อน แต่จำเลยบังอาจขับรถดังกล่าวไปตามถนนหลวง คานล้อหน้าด้านขวาของรถจำเลยซึ่งผุและชำรุดอยู่แล้วหลุดออกจากตัวรถ และล้อหน้าด้านขวาหลุดออกจากคานบังคับเป็นเหตุให้รถเสียการทรงตัวเอียงไปทางขวา วิ่งแฉลบออกล้ำเส้นทางไปทางขวา จำเลยไม่สามารถบังคับให้รถหยุดได้เพราะเบรคชำรุดรถจำเลยจึงเฉี่ยวรถคันอื่นซึ่งวิ่งสวนทางมา เป็นเหตุให้คนในรถคันนั้นถึงแก่ความตาย เมื่อทางพิจารณาได้ความว่ารถจำเลยมีสภาพเก่าชำรุดไม่มั่นคงพอที่จะนำออกขับไปตามถนนหลวง แต่จำเลยก็ยังขืนนำออกขับไปถึงแม้จะได้ความว่าเหตุเกิดขึ้นเพราะล้อหน้าด้านขวาของรถจำเลยหลุดเหตุที่ล้อหลุดก็เพราะน็อตขาด ซึ่งเนื่องมาจากรถมีสภาพเก่าชำรุดอยู่แล้วนั่นเอง ดังนี้ แม้จะไม่ได้ความเรื่องคานล้อหน้าหลุดก็เป็นเพียงข้อเท็จจริงที่ไม่ใช่สารสำคัญ จะถือเป็นเหตุยกฟ้องหาได้ไม่ และยังถือได้ว่าจำเลยกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับขี่รถยนต์โดยสารไปบนถนนหลวง โดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้ขับขี่จากนายทะเบียนตามกฎหมาย รถยนต์คันที่จำเลยนำไปขับขี่นั้นเป็นรถยนต์เก่าชำรุด มีเครื่องอุปกรณ์และส่วนควบไม่ครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงและมิได้จดทะเบียนเสียภาษีและค่าธรรมเนียมให้ถูกต้อง และจำเลยขับขี่รถยนต์โดยสารดังกล่าวด้วยความประมาท โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่ารถยนต์คันดังกล่าวมีสภาพเก่าและชำรุดมาก มีเครื่องอุปกรณ์ส่วนประกอบไม่ครบถ้วน ไม่มั่นคงแข็งแรงบริบูรณ์พอที่จะขับขี่ไปบนถนนหลวงได้ หรือควรจัดการแก้ไขซ่อมแซมให้มั่นคงแข็งแรงบริบูรณ์เสียก่อน โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น เป็นการกระทำโดยประมาทน่าหวาดเสียวเมื่อใกล้ถึงทางแยกถนนมาลัยแทน ซึ่งเป็นช่วงถนนที่มีผิวจราจรคับแคบและมียวดยานพาหนะคับคั่ง คานล้อหน้าด้านขวาของรถจำเลยซึ่งผุและชำรุดอยู่แล้ว หลุดออกจากตัวรถ แล้วล้อหน้าด้านขวาหลุดออกจากคานบังคับ เป็นเหตุให้รถที่จำเลยขับเสียการทรงตัว เอียงไปทางขวาวิ่งแฉลบออกล้ำเส้นทางไปทางขวา จำเลยไม่สามารถบังคับให้รถหยุดได้เพราะเบรคชำรุดใช้การไม่ได้อยู่ก่อนแล้ว รถที่จำเลยขับจึงเฉี่ยวถูกด้านขวารถยนต์โดยสารอีกคันหนึ่งซึ่งวิ่งสวนทางมา เป็นเหตุให้มีผู้โดยสารถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติรถยนต์พ.ศ. 2473 มาตรา 5, 16, 32, 32 ทวิ, 33, (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2484มาตรา 5 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477 มาตรา 5, 29, 66,(ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2508 มาตรา 7, 13 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291

จำเลยให้การรับสารภาพว่า ขับขี่รถยนต์ในถนนหลวงโดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่ ส่วนข้อหาอื่นปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2473 มาตรา 5, 16, 32, 32 ทวิ, 33, (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2508 มาตรา 7, 13 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 ซึ่งเป็นบทหนัก ให้จำคุก 1 ปี 6 เดือน

จำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง ลดโทษ หรือรอการลงโทษ

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยมีความผิดตามข้อหาว่าขับรถโดยไม่ได้รับใบอนุญาต เพราะรับสารภาพแล้ว มีความผิดฐานไม่มีห้ามล้อมือแต่ไม่ผิดฐานใช้รถไม่มั่นคงแข็งแรง ส่วนข้อหาว่าขับรถโดยประมาททำให้นายไว ชัยทัศน์ ถึงแก่ความตายนั้น ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฎในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง คือ แทนที่โจทก์จะนำสืบว่า คานล้อหน้าด้านขวาของรถจำเลยซึ่งผุและชำรุดอยู่ก่อนแล้วได้หลุดโจทก์กลับนำสืบว่า ล้อหน้าด้านขวารถของจำเลยหลุดเพราะน็อตที่จานล้อขาด จะลงโทษจำเลยหาได้ไม่ นอกจากนั้นจำเลยขับรถไปช้า ๆ ถือได้ว่าจำเลยได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแล้วเห็นว่า เหตุที่เกิดขึ้นเกิดจากเหตุสุดวิสัย พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2473 มาตรา 16, 33 ให้ปรับ 100 บาท ผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477 มาตรา 5, 66,(ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2508 มาตรา 13 ปรับ 200 บาท รวมปรับ 300 บาท

โจทก์ฎีกา (ตั้งประเด็นมาชัดแจ้งเฉพาะความผิดฐานขับรถยนต์โดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายเท่านั้น)

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์บรรยายว่า จำเลยบังอาจนำรถยนต์เก่าชำรุด ซึ่งมีเครื่องอุปกรณ์และส่วนควบไม่ครบถ้วนออกขับไปตามถนนหลวงด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวัง ซึ่งบุคคลในภาวะเช่นจำเลยจะต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และจำเลยอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่ จำเลยรู้อยู่แล้วว่ารถยนต์คันดังกล่าวเป็นรถมีสภาพเก่าและชำรุดมาก มีเครื่องอุปกรณ์ส่วนประกอบไม่ครบถ้วน ไม่มั่นคงแข็งแรงพอที่จะขับไปบนถนนหลวงไม่ได้จัดการแก้ไขแข็งแรงบริบูรณ์เสียก่อน แต่จำเลยยังขืนขับออกไปบนถนนหลวง แล้วคานล้อหน้าด้านขวาซึ่งผุและชำรุดอยู่แล้ว หลุดออกจากตัวรถ ล้อหน้าด้านขวาหลุดออกจากคานบังคับ เป็นเหตุให้รถจำเลยเสียการทรงตัว วิ่งแฉลบออกนอกเส้นทาง ไปเฉี่ยวชนรถยนต์โดยสารซึ่งวิ่งสวนมา เป็นเหตุให้นายไว ชัยทัศน์ ถึงแก่ความตาย ในทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยได้ขับขี่รถยนต์คันที่โจทก์ฟ้องซึ่งมีสภาพเก่ามีอุปกรณ์ไม่ครบถ้วน ไปตามถนนหลวง เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุล้อหน้าด้านขวาของรถจำเลยหลุดเข้าไปในบังโคลน แล้วรถแฉลบเข้าชนรถยนต์โดยสารซึ่งวิ่งสวนมา เป็นเหตุให้ นายไว ชัยทัศน์ ผู้โดยสารถูกไม้หลังคารถจำเลยทิ่มตำ ได้รับบาดเจ็บสาหัสและถึงแก่ความตาย ดังนี้ ก็ได้ความแล้วว่ารถของจำเลยมีสภาพเก่าชำรุดไม่มั่นคงพอที่จะนำออกขับไปตามถนนหลวงตามปกติได้ แต่จำเลยยังขืนนำออกไปขับจนเกิดเหตุคดีนี้ขึ้นเหตุที่ทำให้ล้อหลุดเพราะน็อตขาดก็เนื่องจากรถมีสภาพเก่าชำรุดอยู่แล้วนั่นเอง แม้จะไม่ได้ความเรื่องคานล้อหน้าหลุด ก็เป็นเพียงข้อเท็จจริงที่ไม่ใช่สารสำคัญจะถือเป็นเหตุยกฟ้องโจทก์เกี่ยวกับข้อหานี้หาได้ไม่ ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาจึงไม่แตกต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้อง ยังถือได้ว่าจำเลยกระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 อีกกระทงหนึ่งด้วย ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 ซึ่งเป็นกระทงที่หนักที่สุด ให้จำคุก 1 ปี 6 เดือน

Share