คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 282/2483

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องว่าจำเลยมีฝิ่นโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ไม่สืบถึงราคาฝิ่นที่รัฐบาลในท้องที่เกิดเหตุเช่นนี้ ศาล ลงโทษปรับ จำเลยในอัตราคั่นต่ำ คือ 50 บาท กล่าวในฟ้องว่า จำเลยมีฝิ่นดิบราคา 101 บาท 44 สตางค์ จำเลยรับว่าได้มีฝิ่นดิบไว้จริงดังนี้จะถือว่าจำเลยให้การรับถึงราคาฝิ่นที่กล่าวในฟ้องด้วยไม่ได้

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีฝิ่นดิบหนัก ๑๖ หุน ราคา ๑๐๑ บาท ๔๔ สตางค์ ไว้โดยมิได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตาม พรบ ฝิ่น พ.ศ. ๒๔๗๒ มาตรา ๕๓,๖๖, และแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๔๘๐ มาตรา ๖ แต่ โจทก์ไม่นำสืบว่าราคาฝิ่นซึ่งรัฐบาลจำหน่ายในท้องที่ในขณะเกิดเหตุนั้นเป็นราคาเท่าใด คงมีแต่ราคาฝิ่นซึ่งปรากฏในคำฟ้องของโจทก์เท่านั้น
นายสีให้การรับเพีบงว่าได้มีฝิ่นไว้จริงตาม จำนวนที่ปรากฏในฟ้อง ส่วนนายจันทร์จำเลยให้การปฏิเสธตลอดข้อหา
ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยมีผิดตาม พรบ ฝิ่น (ฉะบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๔๘๑ ม. ๖ ปรับคนละ ๕๐๗ บาท ๒๐ สตางค์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์ไม่มีพะยานให้การถึงราคาฝิ่นเลย มีแต่คำโจทก์กล่าวฝ่ายเดียวในฟ้องเท่านั้น จะถือเอาราคาตามฟ้องมาเป็นเกณฑ์ปรับจำเลยไม่ได้ เพราะตาม พรบ ฝิ่น (ฉะบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๔๘๑ ม. ๖ มีว่า ราคาฝิ่นอันจะตั้งเป็นเกณฑ์คำนวณค่าปรับนั้น ให้ถือเอาราคาฝิ่นซึ่งรัฐบาลขายในท้องที่และเวลาเกิดเหตุในลักษณะคดี พิพากษาแก้ให้ปรับจำเลยคนละ ๕๐ บาท
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ราคาฝิ่นในคดีนี้มีปรากฏแต่ในคำฟ้องของโจทก์เท่านั้น ไม่มีคำพะยานโจทก์ปากใดให้การถึงราคาฝิ่นรายนี้เลย ฉะนั้นจึงไม่ปรากฏว่าราคาฝิ่นซึ่งรัฐบาลจำหน่ายในท้างที่ในขณะเกิดเหตุนั้นเป็นราคาเท่าใดแน่ จะถือเอาราคาในคำฟ้องเป็นเกณฑ์กำหนดโทษปรับจำเลยไม่ได้ และจะถือว่านายสีจำเลยให้การรับในราคาฝิ่นที่ โจทก์กล่าวในฟ้องไม่ได้ จึงพิพากษาปรับจำเลยคนละ ๕๐ บาท ตาม ศาลอุทธรณ์

Share