คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 561/2483

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้จำเลยจะยื่นบัญชีระบุพะยานภายหลังที่ โจทก์สืบพะยานไปหมดแล้วก็ตามถ้าาลเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุตติธรรมจำเป็นจะต้องสืบพะยานหลักฐาน
++สำคัญเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี ศาลก็มีอำนาจรับฟังพะยานหลักฐานนั้นได้

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่าจำเลยอายุ ๑๕ ปีขี่ม้าขนาดใหญ่ตามถนนหลวงกระแทกหลังโจทก์ซึ่งเดินอยู่ขอบถนนล้มลง เท้าม้าเหยียบนิ้วก้อยซ้ายโจทก์กระดูกแตก ปลายนิ้วขาดเป็นบาดแผลสาหัสโดยปราศจากความระมัดระวัง ขอให้ลงโทษ ตามกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๒๕๖, ๒๕๙
ระหว่างการพิจารณาของศาลจังหวัดระยองเมื่อพะยานโจทก์หมดแล้วจำเลยจึงยื่นคำร้องและบัญชีระบุพะยาน โจทก์คัดค้านว่าจำเลยระบุพะยานเมื่อโจทก์สืบพะยาน โจทก์เสร็จแล้วไม่ได้ศาลจังหวัดระยองเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุตติธรรมและพะยานนั้นเป็นพะยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี จึงอนุญาตให้จำเลยอ้างพะยานได้ตามประมวลวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๘๗(๒) ตอนท้ายกับประมวลวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๑๕ แต่ในที่สุดเห็นว่าจำเลยได้ทำให้ โจทก์บาดเจ็บโดยประมาทมีความผิดตาม กฎหมายอาญา ม. ๒๕๙ แต่ปรากฏว่าจำเลยมีอายุเพียง ๑๓ ปีเศษจึงว่ากล่าวให้ จำเลยรู้สึกตัวแล้วปล่อยไปตามกฎหมายอาญา ม. ๕๗
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าแม้ จำเลยจะยื่นบัญชีระบุพะยานภายหลังที่ได้สืบพะยานโจทก์ไปเสร็จสิ้นแล้วซึ่งไม่เป็นการปฏิบัติตาม ประมวลวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๘๘ ก็ดี แต่เมื่อศาลเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุตติธรรมจำเป็นจะต้องสืบพะยานหลักฐานอันสำคัญเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี ศาลมีอำนาจรับฟังพะยานหลักฐานที่จำเลยสืบนั้นได้ตามประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง ม.๘๗(๒) และประมวลวิธีพิจารณาความอาญา ม. ๑๕ จึง พิพากษายืน

Share