คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1502/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยปิดกั้นร่องน้ำสาธารณะทำให้น้ำหยุดไหล ราษฎรได้รับความเดือดร้อนขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 375 ศาลชั้นต้นเห็นว่าร่องน้ำที่พิพาทเป็นร่องน้ำสาธารณะจำเลยไปปิดกั้นเข้าจึงมีความผิดพิพากษาลงโทษศาลอุทธรณ์ เห็นว่าร่องน้ำพิพาทเป็นร่องน้ำสาธารณะเช่นเดียวกันกับศาลชั้นต้น แต่จำเลยปิดกั้นโดยสุจริตโดยเชื่อว่ามีอำนาจปิดกั้นได้ จึงไม่มีความผิดพิพากษายกฟ้องจำเลยฎีกาขอให้วินิจฉัยว่าร่องน้ำพิพาทไม่ใช่ร่องน้ำสาธารณะตามพระราชบัญญัติการชลประทานราษฎร์ ศาลฎีกาเห็นว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยชนะคดีโดยยกฟ้องโจทก์อยู่แล้วและร่องน้ำพิพาทจะเป็นร่องน้ำสาธารณะตามพระราชบัญญัติการชลประทานราษฎร์หรือไม่นั้น ก็มิได้ทำให้จำเลยเสียสิทธิแต่ประการใด จึงไม่รับวินิจฉัยฎีกาของจำเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้สมคบกันถมดินลงในปากห้วยปลากั้ง ทำให้น้ำซึ่งไหลผ่านห้วยปลากั้งหยุดไหล ราษฎรเดือดร้อนไม่มีน้ำทำนาขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๗๕
จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นฟังว่า ลำห้วยปลากั้งเป็นร่องน้ำสาธารณะ จำเลยทั้งสี่ได้ร่วมกันถมร่องน้ำนี้เป็นเหตุให้ร่องน้ำสาธารณะเกิดขัดข้อง พิพากษาว่าจำเลยทั้งสี่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๗๕ ลงโทษปรับคนละ ๓๐๐ บาท
จำเลยทั้งสี่อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยทั้งสี่ได้ร่วมกันถมร่องน้ำสาธารณะจริง แต่จำเลยที่ ๑ เป็นหัวหน้าการชลประทานราษฎร์ตามพระราชบัญญัติการชลประทานราษฎร์ พ.ศ. ๒๔๘๒ จำเลยที่ ๒ เป็นผู้ช่วยมีหน้าที่แบ่งปันน้ำในเขตชลประทานราษฎร์ตามส่วนของจำนวนเนื้อที่ที่ทำการเพราะปลูก จำเลยถมร่องน้ำโดยเชื่อว่ามีอำนาจทำได้ จึงไม่เป็นความผิดตามที่โจทก์ฟ้องพิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่ตามฟ้อง
จำเลยทั้งสี่ฎีกาว่าร่องน้ำที่พิพาทไม่ใช่ร่องน้ำสาธารณะ
ศาลฎีกาเห็นว่าที่โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่นั้นข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยทั้งสี่เป็นคนถมร่องน้ำหรือปลากั้ง ซึ่งเป็นร่องน้ำสาธารณะโดยจำเลยเชื่อว่าจำเลยมีอำนาจที่จะทำได้โดยสุจริตจึงไม่มีความผิด ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว
ที่จำเลยฎีกาว่าร่องน้ำที่พิพาทไม่ใช่ร่องน้ำสาธารณะตามพระราชบัญญัติการชลประทานราษฎร์นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยชนะคดีโดยยกฟ้องโจทก์อยู่แล้ว และร่องน้ำพิพาทจะเป็นร่องน้ำสาธารณะตามพระราชบัญญัติการชลประทานราษฎร์หรือไม่นั้น ก็มิได้ทำให้จำเลยเสียสิทธิแต่ประการใดจึงไม่รับวินิจฉัยฎีกาของจำเลยทั้งสี่
พิพากษายืน

Share