แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ตามฟ้องว่า จำเลยเป็นตำรวจตั้งด่านตรวจรถ การกระทำเช่นนี้ไม่ใช่หน้าที่ของจำเลย เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้เสียหายแก่ผู้ขับขี่รถ การกระทำตามฟ้องดังนี้เป็นการกระทำนอกหน้าที่ ไม่เป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
ย่อยาว
โจทก์ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ลงวันที่ 25 เดือนกรกฎาคม พุทธศักราช 2523
โจทก์ฟ้องว่า ระหว่างวันที่ 18 มิถุนายน 2521 เวลากลางคืนหลังเที่ยงต่อเนื่องกับวันที่ 18 มิถุนายน 2521 เวลากลางคืนก่อนเที่ยงจำเลยทั้งสองเป็นเจ้าพนักงานตำรวจประจำกองกำกับการอารักขาและรักษาความปลอดภัยกองบังคับการสายตรวจปฏิบัติการพิเศษ กรมตำรวจ มีหน้าที่อารักขาและรักษาความปลอดภัยสถานที่ราชการสำคัญต่าง ๆ ได้อารักขาและรักษาความปลอดภัยสถานที่ราชการวังปารุสกวันตามหน้าที่ซึ่งมีคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา ขณะจำเลยทั้งสองปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวได้บังอาจร่วมกันตั้งด่านตรวจรถยนต์ที่ผ่านไปมาในถนนศรีอยุธยา ทำการตรวจใบอนุญาตขับรถยนต์จากผู้ขับขี่ หากผู้ใดมีใบอนุญาตจำเลยให้ผ่านไปได้ ถ้าไม่มีหรือไม่นำติดตัวมาจำเลยกักตัวไว้ให้เสียค่าปรับ ซึ่งการกระทำเช่นนี้ไม่ใช่หน้าที่ของจำเลยทั้งสอง เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ขับขี่รถยนต์ผ่านถนนศรีอยุธยา และตามวันเวลาดังกล่าว จำเลยที่ 1 ใช้อาวุธปืนจ่อร่างกายนายชูเกียรติ จุติสุขสันต์ ในลักษณะขู่ว่าจะยิง ทำให้เกิดความตกใจกลัว เหตุทั้งหมดเกิดที่แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 43, 142, 41 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมายอาญาพ.ศ. 2502 มาตรา 13 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 2
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 กระทงหนึ่ง ให้จำคุกคนละ 2 ปี จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 392 อีกกระทงหนึ่ง จำคุก 20 วัน รวมเป็นโทษจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 2 ปี 20 วัน
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ฟ้องของโจทก์ในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ขาดองค์ประกอบที่สำคัญชอบที่จะยกฟ้อง และปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลอุทธรณ์เห็นสมควรยกขึ้นวินิจฉัยเอง ส่วนข้อหาว่าจำเลยที่ 1 ขู่เข็ญทำให้ผู้อื่นตกใจกลัว พยานโจทก์รับฟังได้ พิพากษาแก้เป็นว่าให้ยกฟ้องในข้อหาว่าจำเลยทั้งสองกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ที่จำเลยขอแถลงการณ์ด้วยวาจาเห็นว่าไม่จำเป็นแก่คดี ให้งด
คดีมีข้อวินิจฉัยในชั้นฎีกาเฉพาะปัญหาว่า จำเลยทั้งสองกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 หรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ความผิดตามมาตรานี้จะต้องเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติซึ่งอยู่ในหน้าที่ของเจ้าพนักงานนั้นเองโดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ถ้าเป็นการกระทำที่นอกหน้าที่ไม่ผิดมาตรานี้ ฟ้องของโจทก์บรรยายว่าจำเลยทั้งสองเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่อารักขาและรักษาความปลอดภัยวังปารุสกวัน การที่จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันตั้งด่านตรวจรถยนต์ที่ผ่านไปมาในถนนศรีอยุธยานั้นโจทก์ยืนยันในคำฟ้องว่าการกระทำดังกล่าวมิใช่หน้าที่ของจำเลยทั้งสอง และฎีกาของโจทก์ก็ว่าการตั้งด่านตรวจรถยนต์เป็นการกระทำนอกหน้าที่ของจำเลยทั้งสอง แม้แต่พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบก็ปรากฏอีกว่าการตั้งด่านตรวจรถยนต์ในถนนศรีอยุธยาไม่อยู่ในอำนาจและหน้าที่ของจำเลยทั้งสองเช่นนี้ การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน