คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 874/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

สิทธิตามสัญญาจ้างแรงงานเป็นสิทธิเฉพาะตัวของโจทก์ผู้เป็นลูกจ้างไม่เป็นสินสมรส การฟ้องเรียกเงินตามสัญญาจ้างแรงงานมิใช่เป็นการจัดการสินสมรส โจทก์ซึ่งเป็นหญิงมีสามีจึงมีอำนาจฟ้องได้ตามลำพังตนเอง โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากสามี การที่โจทก์มาทำงานสายและทำงานให้แก่จำเลยผู้เป็นนายจ้างไม่ครบตามเวลาที่กำหนด หากเป็นการผิดต่อระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลย จำเลยชอบที่จะลงโทษทางวินัยตามระเบียบข้อบังคับดังกล่าวได้ หาชอบที่จะเรียกเงินค่าจ้างคืนจากโจทก์ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจ้างโจทก์เป็นลูกจ้างประจำ จำเลยเลิกจ้างโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชย ค่าเสียหายจากการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าทำงานในวันหยุดตามประเพณี ค่าทำงานล่วงเวลา และค่าทำงานวันหยุดพักผ่อนประจำปีพร้อมดอกเบี้ย จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะเป็นหญิงมีสามีและมิได้รับความยินยอมจากสามีให้ฟ้องคดีนี้จำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะ โจทก์มาทำงานสายหรือไม่มาทำงาน แต่ลงชื่อเบิกค่าจ้างค่าล่วงเวลา โจทก์ทิ้งงานไปสามวัน จำเลยขอคิดค่าเสียหายขอให้ยกฟ้องและให้โจทก์ใช้เงินจำนวน 420,405 บาทพร้อมดอกเบี้ยแก่จำเลย โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งและขอให้ยกฟ้องแย้งศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชย ค่าทำงานในวันหยุดพักผ่อนประจำปี ค่าทำงานในวันหยุดตามประเพณีพร้อมดอกเบี้ยคำขออื่นให้ยก และให้ยกฟ้องแย้งของจำเลย จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “แม้โจทก์เป็นหญิงมีสามีฟ้องความโดยไม่ได้รับความยินยอมจากสามี แต่สิทธิตามสัญญาจ้างแรงงานเป็นสิทธิเฉพาะตัวของโจทก์ผู้เป็นลูกจ้าง ไม่เป็นสินสมรส การฟ้องเรียกเงินตามสัญญาจ้างแรงงานมิใช่เป็นการจัดการสินสมรสตามบทกฎหมายที่จำเลยอ้าง โจทก์มีอำนาจฟ้องได้ตามลำพังตนเอง โดยหาจำต้องได้รับความยินยอมจากสามีโจทก์ก่อนไม่ การที่โจทก์มาทำงานสายและทำงานให้จำเลยไม่ครบตามเวลาที่กำหนด หากเป็นการผิดต่อระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลย จำเลยก็ชอบที่จะดำเนินการลงโทษทางวินัยตามระเบียบข้อบังคับการทำงานของจำเลยต่างหาก หาชอบที่จะมาเรียกเงินคืนจากโจทก์ไม่ อุทธรณ์ของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share