คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10/2540

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

คำร้องของโจทก์ที่ขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งถอนการบังคับคดีได้แนบเอกสารต่างๆที่โจทก์ได้ติดต่อดำเนินการต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีของศาลจังหวัดสวรรคโลกในการขายทอดตลาดแทนหลายครั้งตลอดมาโดยมีจ่าศาลจังหวัดสวรรคโลกรับรองสำเนาถูกต้องและในวันนัดไต่สวนคำร้องศาลได้สอบถามทนายโจทก์และเจ้าพนักงานบังคับคดีกรมบังคับคดีแล้วเจ้าพนักงานบังคับคดีแถลงว่าเหตุที่ขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งถอนการบังคับคดีเนื่องจากไม่ได้รับเอกสารเกี่ยวกับการบังคับคดีดังกล่าวจากศาลจังหวัดสวรรคโลกศาลชั้นต้นได้บันทึกข้อเท็จจริงที่ได้ความตามที่สอบถามไว้ซึ่งพยานหลักฐานที่ได้ดังกล่าวมีรายละเอียดเกี่ยวกับการดำเนินการต่างๆในการบังคับคดีสมบูรณ์เพียงพอที่จะวินิจฉัยได้จึงไม่จำเป็นต้องไต่สวนต่อไปและการที่ศาลได้สอบถามข้อเท็จจริงจนได้ความดังกล่าวมาถือได้ว่าเป็นการไต่สวนแล้วฉะนั้นที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนการบังคับคดีโดยไม่ไต่สวนคำร้องของโจทก์ต่อไปจึงชอบแล้ว

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระหนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งจำเลยทั้งสองยอมชำระหนี้จำนวน 3,292,020.54 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ จำเลยทั้งสองไม่ปฎิบัติ ตามคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์ขอให้ศาลตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลยทั้งสองนำออกขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้ให้แก่โจทก์ ศาลชั้นต้นออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี กรมบังคับคดี เป็นเจ้าพนักงานบังคับคดี และขอให้ศาลจังหวัดสวรรคโลกช่วยบังคับคดีแทนด้วย ต่อมาเจ้าพนักงานบังคับคดี กรมบังคับคดี หมายนัดให้โจทก์มาแถลงความประสงค์ในการบังคับคดีภายใน 15 วัน โจทก์รับหมายนัดแล้วไม่ดำเนินการภายในกำหนด เจ้าพนักงานบังคับคดี กรมบังคับคดี จึงขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งถอนการบังคับคดี ศาลชั้นต้นมีคำสั่งถอนการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 295 ทวิ
โจทก์ยื่นคำร้องว่าโจทก์ได้ติดต่อกับเจ้าพนักงานบังคับคดีศาลจังหวัดสวรรคโลกในการบังคับคดีตลอดมา ขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งถอนการบังคับคดีพร้อมกับมีคำสั่งงดเรียกเก็บค่าธรรมเนียมยึดแล้วไม่มีการขายและค่าใช้จ่ายในชั้นบังคับคดีและให้โจทก์ดำเนินการบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์จำเลยที่ 2 ต่อไปศาลชั้นต้นมีคำสั่งนัดไต่สวนคำร้องของโจทก์
ในวันนัดไต่สวนศาลชั้นต้นสอบถามทนายโจทก์ เจ้าพนักงานบังคับคดีกรมบังคับคดี และผู้รับมอบอำนาจจากทนายจำเลยที่ 2 แล้วเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ ให้งดการไต่สวน แล้ววินิจฉัยว่า โจทก์ได้ดำเนินการบังคับคดีและแถลงต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีศาลจังหวัดสวรรคโลก ซึ่งบังคับคดีแทนแล้ว ที่ศาลมีคำสั่งถอนการบังคับคดีเป็นไปโดยผิดหลง จึงมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งการบังคับคดี และให้ดำเนินการบังคับคดีต่อไปตามที่ศาลจังหวัดสวรรคโลกดำเนินการไปแล้ว
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ และยื่นคำร้องขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้งดการขายทอดตลาดในระหว่างอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยที่ 2 ที่ขอให้งดการขายทอดตลาดและพิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกาคำสั่งและคำพิพากษา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ในการบังคับคดีของโจทก์ศาลชั้นต้นคือศาลแพ่งซึ่งออกหมายบังคับคดีได้ขอให้ศาลจังหวัดสวรรคโลกดำเนินคดีแทนเจ้าพนักงานบังคับคดี ศาลจังหวัดสวรรคโลกจึงทำการยึดทรัพย์ของจำเลยที่ 2 แล้วประกาศขายทอดตลาดในวันที่ 2 มิถุนายน 2532 แต่ขายไม่ได้จึงมีการประกาศขายทอดตลาดต่อมาอีกหลายนัด ต่อมาวันที่ 15 มีนาคม 2537 เจ้าพนักงานบังคับคดีกรมบังคับคดี มีหนังสือขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งถอนการบังคับคดีโดยอ้างว่าโจทก์รับหมายแจ้งให้มาแถลงความประสงค์ในการบังคับคดีโดยชอบแล้วเพิกเฉยไม่ดำเนินการภายใน 15 วัน จึงเป็นเหตุขัดข้องในการบังคับคดี ศาลชั้นต้นมีคำสั่งถอนการบังคับคดี ต่อมาวันที่6 ธันวาคม 2537 โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเพิกถอนการบังคับคดีอ้างว่า โจทก์เพิ่งทราบคำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2537 โจทก์ดำเนินการบังคับคดีโดยติดต่อกับเจ้าพนักงานบังคับคดีของศาลจังหวัดสวรรคโลกตลอดมา มิได้เพิกเฉยหรือละทิ้งการบังคับคดี ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนคำร้องของโจทก์ในวันนัดไต่สวนศาลได้สอบถามทนายโจทก์และเจ้าพนักงานบังคับคดีแล้วให้งดการไต่สวน และมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งถอนการบังคับคดีให้ดำเนินการบังคับคดีต่อไป
มีปัญหาวินิจฉัยตามที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า ศาลชั้นต้นควรไต่สวนคำร้องของโจทก์ให้ได้ความเสียก่อนจึงจะมีคำสั่งไปตามรูปคดีหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า ตามคำร้องของโจทก์ที่ขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งถอนการบังคับคดีนั้นได้แนบเอกสารต่าง ๆที่โจทก์ได้ติดต่อดำเนินการต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีของศาลจังหวัดสวรรคโลก ในการขายทอดตลาดหลายครั้งตลอดมา โดยเอกสารดังกล่าวมีจ่าศาลจังหวัดสวรรคโลกรับรองสำเนาถูกต้อง และในวันนัดไต่สวนคำร้องของโจทก์ศาลได้สอบถามทนายโจทก์และเจ้าพนักงานบังคับคดี กรมบังคับคดี แล้ว เจ้าพนักงานบังคับคดีแถลงว่าเหตุที่ขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งถอนการบังคับคดีเนื่องจากไม่ได้รับเอกสารเกี่ยวกับการบังคับคดีดังกล่าวจากศาลจังหวัดสวรรคโลกศาลชั้นต้นได้บันทึกข้อเท็จจริงที่ได้ความตามที่สอบถามไว้ในรายงานกระบวนพิจารณา ฉบับลงวันที่ 15 มีนาคม 2538 โดยละเอียดซึ่งพยานหลักฐานที่ได้จากโจทก์และเจ้าพนักงานบังคับคดีดังกล่าวมีรายละเอียดเกี่ยวกับการดำเนินการต่าง ๆ ในการบังคับคดีสมบูรณ์เพียงพอที่จะวินิจฉัยได้ จึงไม่จำเป็นต้องไต่สวนต่อไป และการที่ศาลได้สอบถามข้อเท็จจริงจนได้ความดังกล่าวมาก็ถือได้ว่าเป็นการไต่สวนแล้วเทียบตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 599/2517 ระหว่างนางมาลี ไชยสงวนธรรม โจทก์ นายลิมวิงบัก แซ่ลิ้ม จำเลยฉะนั้น ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งถอนการบังคับคดีโดยไม่ไต่สวนคำร้องของโจทก์ต่อไปจึงชอบแล้วฎีกาของจำเลยที่ 2ฟังไม่ขึ้น ส่วนที่จำเลยที่ 2 ฎีกาคัดค้านคำสั่งศาลอุทธรณ์ที่สั่งยกคำร้องขอให้งดการขายทอดตลาดระหว่างอุทธรณ์นั้น เมื่อศาลฎีกาวินิจฉัยมาแล้วว่าคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้เพิกถอนคำสั่งการบังคับคดีชอบแล้วจึงไม่มีเหตุที่จะงดการขายทอดตลาดระหว่างอุทธรณ์ฎีกาจำเลยที่ 2 เกี่ยวกับเรื่องนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน”
พิพากษายืน

Share