คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 197-199/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในกรณีผู้เช่าซื้อค้างชำระค่าเช่าซื้อ แม้สัญญาเช่าซื้อจะระบุว่าให้คิดดอกเบี้ยในอัตราสูงสุดเท่าที่กฎหมายอนุญาต แต่ก็ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้โดยตรงว่าให้คิดดอกเบี้ยได้สูงสุดในอัตราเท่าใด จึงต้องใช้อัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี จะนำอัตราดอกเบี้ยร้อยละสิบห้าต่อปีสำหรับเงินกู้ยืมมาอนุโลมใช้สำหรับเงินค่าเช่าซื้อค้างชำระโดยมิได้กำหนดกันไว้ในสัญญาหาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ เป็นผู้เช่าซื้อรถยนต์จากโจทก์โดยจำเลยที่ ๒ เป็นผู้ค้ำประกัน จำเลยผิดสัญญาชำระค่าเช่าซื้อไม่ครบ โจทก์ยึดรถคืนมาแล้ว ขอให้บังคับชำระค่าเช่าซื้อกับดอกเบี้ย
จำเลยต่อสู้คดีและฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ในฐานะลูกหนี้และจำเลยที่ ๒ ในฐานะผู้ค้ำประกันชำระเงินค่าเช่าซื้อที่ค้างกับดอกเบี้ยร้อยละ ๑๕ ต่อปี ยกฟ้องแย้ง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ก่อนจำเลยผิดนัดผิดสัญญา โจทก์เรียกค่าเช่าซื้อค้างชำระได้ หลังจากนั้นเรียกได้เฉพาะค่าเสียหาย ส่วนดอกเบี้ยเงินค้างชำระ โจทก์มีสิทธิเรียกได้ในอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปีตามสัญญา พิพากษาแก้
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นด้วยกับศาลอุทธรณ์ที่ให้จำเลยชำระเงินค่าเช่าซื้อค้างชำระและค่าเสียหาย
ส่วนดอกเบี้ยในเงินค้างชำระนั้น ตามสัญญาเช่าซื้อข้อ ๒ มีว่า ถ้ามีการติดค้าง ผู้เช่าซื้อยอมให้ดอกเบี้ยในอัตราสูงสุดเท่าที่กฎหมายอนุญาตให้เรียกร้องได้ ซึ่งศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์มีสิทธิเรียกร้องดอกเบี้ยได้เท่ากับร้อยละสิบห้าต่อปี
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้เป็นเรื่องจำเลยค้างชำระค่าเช่าซื้อมิใช่เป็นการกู้ยืมเงินกัน ซึ่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๕๔ บัญญัติให้คิดดอกเบี้ยได้อย่างสูงไม่เกินร้อยละสิบห้าต่อปี ในกรณีที่มีการค้างชำระค่าเช่าซื้อ ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้โดยตรงว่าให้คิดดอกเบี้ยได้สูงสุดในอัตราเท่าใด ฉะนั้น จึงย่อมตกอยู่ในบังคับแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๗ ซึ่งบัญญัติว่า ถ้าจะต้องเสียดอกเบี้ยแก่กัน และดอกเบี้ยนั้นมิได้กำหนดอัตราไว้โดยนิติกรรม หรือโดยบทกฎหมายอันใดอันหนึ่งชัดแจ้งไซร้ ท่านให้ใช้อัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี เมื่อสัญญาเช่าซื้อระหว่างโจทก์จำเลยกำหนดให้คิดดอกเบี้ยในอัตราสูงสุดเท่าที่กฎหมายอนุญาตให้เรียกร้องได้ แต่ไม่มีกฎหมายกำหนดอัตราสูงสุดไว้ โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยในค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระจากจำเลยได้เพียงในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี จะนำอัตราดอกเบี้ยร้อยละสิบห้าต่อปีสำหรับเงินกู้ยืมมาอนุโลมใช้สำหรับเงินค่าเช่าซื้อค้างชำระโดยมิได้กำหนดกันไว้ในสัญญาได้ไม่ ฎีกาจำเลยข้อนี้ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระดอกเบี้ยในเงินค้างชำระในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ทุกประการ

Share