แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์จำเลยตกลงกันว่านับแต่วันทำสัญญาเป็นต้นไป โจทก์ไม่มีสิทธิเข้าไปเกี่ยวข้องกับกิจการใดๆ ของห้างหุ้นส่วน และไม่ให้โจทก์เข้าไปก่อกวนความสงบและการทำงานของ พนักงานต่างๆ ของห้างหุ้นส่วน ซึ่งเป็นการกระทำผิดต่อกฎหมาย ดังนี้ การที่โจทก์ไปพูดกับคนงานของจำเลยว่าทำงานมากหรือน้อย ก็ได้ค่าแรงเท่ากันก็ดี โจทก์ไปพูดกับผู้ส่งวัสดุก่อสร้างให้แก่จำเลย ว่าจำเลยจะล้มละลายอยู่แล้ว ส่งของให้ทำไม ก็ดี ก็ไม่ใช่เป็นเรื่อง ที่โจทก์เข้าไปใช้สิทธิเกี่ยวข้องกับกิจการใดๆ ของจำเลยหรือเข้าไป ก่อกวนความสงบและการทำงานของพนักงานของจำเลยซึ่งเป็นการ ผิดต่อกฎหมายตามข้อตกลงในสัญญา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ลงทุนด้วยเงินและแรงงานในห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลย โจทก์มีสิทธิที่จะได้รับผลประโยชน์ตอบแทนตามที่ได้ตกลงกันไว้ ต่อมาโจทก์ขอรับเงินผลประโยชน์ตอบแทนจากจำเลยโดยขอเลิกไม่เกี่ยวข้องกับกิจการของจำเลย จำเลยคิดค่าผลประโยชน์ตอบแทนให้โจทก์ ๓๐๐,๐๐๐ บาท มีกำหนดผ่อนจ่ายเป็นรายเดือน ๆ ละ ๒,๕๐๐ บาท โดยวิธีออกเช็คล่วงหน้า โจทก์ได้รับชำระหนี้งวดแรกแต่งวดที่สองธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จึงขอให้บังคับให้จำเลยชำระเงิน ๒๙๗,๕๐๐ บาทและดอกเบี้ย
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยหรือนายมานพมิได้ผิดนัดชำระหนี้ตามเช็คที่โจทก์ฟ้อง ในวันที่เช็คถึงกำหนด จำเลยมีเงินอยู่ในบัญชีโจทก์ยังไม่มีอำนาจฟ้อง โจทก์นำคดีมาฟ้องโดยไม่สุจริต ตามสัญญาโจทก์จำเลยตกลงเงื่อนไขกันว่า โจทก์จะต้องไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการดำเนินการก่อสร้างตลาดของจำเลยอีกต่อไป และจะต้องไม่กระทำการใด ๆอันเป็นการก่อกวนความสงบหรือเป็นปฏิปักษ์ต่อการดำเนินงานก่อสร้างตลาดของจำเลย หากโจทก์ผิดสัญญานี้โดยกลั่นแกล้งโดยผิดกฎหมายหรือศีลธรรมมิให้จำเลยดำเนินการก่อสร้างต่อไปโดยสะดวกเรียบร้อยตามปกติแล้วโจทก์หมดสิทธิที่จะได้รับเงินค่าตอบแทน
ต่อมาหลังจากโจทก์ได้รับเงินงวดแรกไปแล้ว โจทก์ทำผิดสัญญาจึงหมดสิทธิที่จะได้รับเงินดังกล่าว และจำเลยตัดฟ้องว่าสัญญาท้ายฟ้องไม่ผูกพันจำเลย และขอฟ้องแย้งให้โจทก์ส่งมอบเช็ค ๓๕ ฉบับคืนให้แก่จำเลย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า นายมานพ เชิดสุริยา ทำสัญญาในนามของจำเลยจึงผูกพันจำเลย โจทก์มิได้ยุ่งเกี่ยวก่อกวนการก่อสร้างของจำเลยโจทก์ไม่ได้ผิดสัญญา
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง และยกฟ้องแย้งจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาฎีกาของจำเลยที่ว่าโจทก์ปฏิบัติผิดเงื่อนไขในสัญญาโดยโจทก์ยุแหย่คนงานและยุแหย่พ่อค้ามิให้ส่งของให้กับห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลย เป็นการผิดสัญญาซึ่งจำเลยไม่ต้องจ่ายเงินตามสัญญาให้โจทก์นั้น เห็นว่า ตามที่จำเลยนำสืบว่ารู้จากคนงานเล่าให้ฟังว่าโจทก์ไปพูดยุแหย่คนงานว่า ทำงานมากหรือน้อยก็ได้ค่าแรงเท่ากัน และโจทก์พูดถึงนางมุ่ยจู นายสุกิจ ผู้ส่งวัสดุก่อสร้างให้แก่จำเลยว่า จำเลยจะล้มละลายอยู่แล้วส่งของให้ทำไม นั้นเมื่อได้พิจารณาสัญญาข้อ ๕ และข้อ ๖ ซึ่งระบุความไว้ว่า นับแต่วันทำสัญญาเป็นต้นไป โจทก์ไม่มีสิทธิเข้าไปเกี่ยวข้องกับกิจการใด ๆของห้างหุ้นส่วน และไม่ให้โจทก์เข้าไปก่อกวนความสงบและการทำงานของพนักงานต่าง ๆ ของห้างหุ้นส่วน ซึ่งเป็นการกระทำผิดต่อกฎหมายหากพิสูจน์ได้ว่าเป็นการกระทำของโจทก์แล้ว ห้างหุ้นส่วนจะไม่จ่ายเงินให้ตามข้อสัญญาดังกล่าวนี้ เห็นว่า ข้อที่จำเลยนำสืบมาดังกล่าวหากจะเป็นความจริงว่าโจทก์พูดเช่นนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องโจทก์เข้าไปใช้สิทธิเกี่ยวข้องกับกิจการใด ๆ ของห้างหุ้นส่วนจำกัด หรือเข้าไปก่อกวนความสงบและการทำงานของพนักงานของห้างหุ้นส่วน ซึ่งเป็นการผิดต่อกฎหมายตามนัยของข้อตกลงตามสัญญา อันจะถือว่าโจทก์ปฏิบัติผิดสัญญาที่ทำไว้กับจำเลย
พิพากษายืน