แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สามีเมาสุราเสมอเพราะเป็นคนติดสุราต้องเสพทุกวัน แล้วก็ทุบตีด่าว่าภริยาเสมอมา ภริยาและบุตรเคยห้ามปรามก็ไม่ฟัง บางครั้งก็เตะและใช้ไม้ทำร้ายภริยา และทำลายสิ่งของโดยใช่เหตุ ใช้มีดไล่ทำร้ายก็เคยมี บางครั้งก็ต่อยถึงฟันหัก พฤติการณ์ทั้งปวงดังกล่าวประกอบกันฟังได้ว่าสามีประพฤติชั่วแก่ภริยาถึงขนาดร้ายแรง ภริยาฟ้องหย่าได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอหย่าขาดจากการเป็นสามีภรรยากับจำเลยโดยกล่าวว่าได้อยู่กินเป็นสามีภริยากันมาประมาณ 20 ปีเศษ มีบุตรด้วยกันคนหนึ่งยังมีชีวิตอยู่ ในระยะหลังนี้จำเลยประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงเสพสุราเป็นอาจิณแล้วพาลทุบตีทำร้ายร่างกายโจทก์ ด่าว่าหมิ่นประมาทโจทก์และผู้บุพการีอย่างร้ายแรงแทบทุกวัน ข้าวของเครื่องใช้ก็ทุบจนเสียหายเกือบหมด ทั้งไม่ได้ให้ความอุปการะเลี้ยงดูโจทก์อย่างสามีภรรยา
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ยังไม่เป็นเหตุหย่า จึงพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้ โจทก์นำสืบได้ว่า จำเลยเมาสุราเสมอเพราะเป็นคนติดสุรา ต้องเสพทุกวัน เมื่อเสพสุราเมาแล้ว ก็ทุบตีด่าว่าโจทก์เสมอมา โจทก์ผู้เป็นภรรยาและบุตรเคยห้ามปรามจำเลยก็ไม่ฟัง บางครั้งก็เตะ และใช้ไม้ทำร้ายโจทก์ และทำร้ายสิ่งของโดยใช่เหตุ ใช้มีดไล่ ทำร้ายก็เคยมี บางครั้งต่อยถึงฟันหักเรื่องต่อยถึงฟันหักแม้จะเป็นเวลาหลายปีมาแล้ว ก็เป็นเหตุประกอบให้เห็นความโหดร้ายของจำเลยที่ได้กระทำแก่ภรรยา ฝ่ายพยานจำเลยก็รับสมพยานโจทก์ว่า เมื่อจำเลยเสพสุรามากก็เมา เมาแล้วก็ด่าว่าโจทก์ เคยด่าว่าโจทก์ว่า โจทก์เป็นชู้กับลูกเขย ข้อนี้จำเลยว่า จำเลยไม่เชื่อว่าโจทก์จะเป็นชู้กับลูกเขย จำเลยโกรธโจทก์ก็เลยด่าโจทก์ไปเช่นนั้น เป็นการแสดงนิสัยอันไม่ดีของจำเลยเหตุทั้งปวงประกอบพอฟังได้ว่า จำเลยประพฤติชั่วแก่ภรรยาถึงขนาดร้ายแรง จะขืนใจให้อยู่เป็นสามีภรรยากันต่อไป ก็จะหาความสุขไม่ได้
จึงพิพากษากลับ ให้จำเลยหย่าขาดจากการเป็นสามีภรรยากับโจทก์