คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 651/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์จำเลยต่างแย่งกันครอบครองที่ดินมือเปล่ามาแต่ไม่ได้ความชัดว่าใครครอบครองส่วนไหนเท่าไร ควรฟังว่าโจทก์จำเลยต่างมีสิทธิครอบครองด้วยกันและให้แบ่งคนละครึ่ง (อ้างฎีกา 587/2480)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เดิมข้าหลวงพิเศษจัดแบ่งที่พิพาทรวม 6 แปลงให้ผู้มีชื่อ 6 คน แต่ยังไม่ได้ออกหนังสือสำคัญสำหรับที่ดินให้ผู้มีชื่อดังกล่าวไม่เคยครอบครองทำประโยชน์เลย เมื่อ พ.ศ. 2482 โจทก์ได้เข้าครอบครองที่พิพาท 2 แปลงต่อมาโจทก์ขอซื้อที่ที่พิพาทนอกนั้นจากผู้มีชื่อ เมื่อ พ.ศ. 2485 และครอบครองเป็นเจ้าของมาจำเลยต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของ อ. บิดาภรรยาจำเลย จำเลยได้ครอบครองร่วมกับ อ. จน อ. ตายจำเลยได้ครอบครองแต่ผู้เดียวจนบัดนี้ 10 ปีเศษแล้ว

ศาลจังหวัดสมุทรปราการ ฟังว่าโจทก์จำเลยต่างมีส่วนครอบครองที่พิพาทแต่ไม่แน่ชัดว่าฝ่ายใดครอบครองเพียงใด หรือทั้งหมด เพราะคู่ความไม่ขอให้ทำแผนที่พิพาท พิพากษาให้ยกฟ้อง แต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์จำเลย จะฟ้องร้องกันใหม่

ศาลอุทธรณ์ ฟังว่าโจทก์ครอบครองโดยตั้งใจจะซื้อจากเจ้าของเดิมซึ่งไม่มีสิทธิจึงไม่มีสิทธิดีกว่าเจ้าของเดิมและเชื่อพยานจำเลยเห็นว่าจำเลยมีสิทธิในที่พิพาทดีกว่าโจทก์ พิพากษายืนที่ให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาฟังว่า โจทก์เข้าครอบครองเพื่อเจตนาเป็นเจ้าของที่ดินรายนี้เป็นที่ดินมือเปล่า เมื่อโจทก์จำเลยต่างมีพยานมาสืบว่าต่างแย่งกันครอบครองมา แต่ไม่ได้ความชัดว่า ใครครอบครองที่ส่วนไหนเท่าไรควรฟังว่า โจทก์จำเลยเป็นผู้มีสิทธิครอบครองในที่พิพาทมาด้วยกันดังศาลชั้นต้น โจทก์จำเลยต่างมีสิทธิในที่พิพาทเท่า ๆ กัน

พิพากษากลับ ให้แบ่งที่พิพาทให้โจทก์จำเลยคนละครึ่ง ถ้าไม่ตกลงให้ประมูลราคาหรือขายทอดตลาดแบ่งเงินคนละครึ่ง

Share