คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3850/2552

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ทนายความโจทก์ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้เสียค่าฤชาธรรมเนียมเพิ่ม และได้ลงลายมือชื่อในตราประทับให้มาทราบคำสั่งในวันที่ 20 กรกฎาคม 2544 แต่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์วันที่ 23 กรกฎาคม 2544 จึงถือไม่ได้ว่าทนายความโจทก์ทราบคำสั่งศาลชั้นต้นแล้วในวันนั้น แม้ต่อมาทนายความโจทก์ได้มายื่นคำคัดค้านคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยทั้งสองพร้อมทั้งยื่นคำแถลงขอยื่นบัญชีระบุพยานในชั้นไต่สวนอนาถาต่อศาลชั้นต้นและต่อมาได้มอบฉันทะให้เสมียนทนายความโจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนการพิจารณาก็ไม่เกี่ยวกับอุทธรณ์ของโจทก์ แต่เป็นการดำเนินคดีชั้นไต่สวนอนาถา เมื่อถึงวันนัดไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยทั้งสอง ศาลชั้นต้นไม่อาจดำเนินการไต่สวนได้เพราะศาลชั้นต้นได้ส่งสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาสั่งในเรื่องที่โจทก์ไม่นำส่งหมายและสำเนาอุทธรณ์แก่จำเลยทั้งสอง ทนายความโจทก์จึงได้ยื่นคำแถลงขออนุญาตนำส่งและสำเนาอุทธรณ์ให้แก่จำเลยทั้งสอง ทั้งค่าขึ้นศาลที่เสียเพิ่มไปแล้วก็เป็นเงินจำนวนมาก ไม่มีเหตุผลอะไรที่โจทก์จะทิ้งฟ้องอุทธรณ์ พฤติการณ์ไม่แน่ชัดว่าทนายความโจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินการนำส่งหมายและสำเนาอุทธรณ์ให้แก่จำเลยทั้งสอง ประกอบกับทนายความโจทก์ได้ยื่นคำแถลงขออนุญาตนำส่งหมายและสำเนาอุทธรณ์ก่อนศาลอุทธรณ์ส่งคำพิพากษามาอ่าน และปัญหาที่อุทธรณ์เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมสมควรให้โอกาสโจทก์ได้นำส่งหมายและสำเนาอุทธรณ์

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากระหว่างพิจารณาศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า โจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งสองรับผิดหลายข้อหาแยกต่างหากจากกัน โจทก์เสียค่าขึ้นศาลมาเพียง 200,000 บาท ยังไม่ครบถ้วน ให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลมาวางเพิ่ม 1,425,265 บาท ภายใน 15 วัน โจทก์ได้นำค่าขึ้นศาลที่สั่งให้เสียเพิ่มมาชำระจนครบ และยื่นคำแถลงคัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 52,400,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 5 ต่อปี นับแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2540 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความ 30,000 บาท เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้เท่าที่โจทก์ชนะคดี โจทก์อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งให้โจทก์เสียค่าธรรมเนียมเพิ่ม ศาลชั้นต้นสั่งให้รับอุทธรณ์สำเนาให้จำเลยทั้งสอง ให้โจทก์นำส่งภายใน 5 วัน ไม่มีผู้รับโดยชอบให้ปิดหากส่งไม่ได้ให้โจทก์แถลงภายใน 15 วันนับแต่วันส่งไม่ได้ หากมาแถลงให้ถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องอุทธรณ์ ต่อมาเจ้าหน้าที่ของศาลได้รายงานศาลชั้นต้นว่า โจทก์มิได้นำส่งหมายนัดพร้อมสำเนาอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นให้แก่จำเลยทั้งสองทราบและมิได้แจ้งเหตุขัดข้อง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ส่งศาลอุทธรณ์พิจารณาสั่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำหน่ายคดีจากสารบบความของศาลอุทธรณ์
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฎีกาของโจทก์เฉพาะฎีกาข้อ 2.1 ไม่รับฎีกาข้อ 2.2 และ 2.3 โจทก์ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับฎีกาข้อง 2.2 และ 2.3 ศาลฎีกามีคำสั่งยกคำร้อง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2544 ทนายความโจทก์ได้มายื่นอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้เสียค่าฤชาธรรมเนียมเพิ่ม และได้ลงลายมือชื่อในตราประทับให้มาทราบคำสั่งวันที่ 20 กรกฎาคม 2544 หลังวันที่สั่งให้ทนายความโจทก์มาฟังคำสั่ง จึงถือไม่ได้ว่าทนายความโจทก์ทราบคำสั่งศาลชั้นต้นแล้วในวันนั้น แม้ต่อมาคนอนาถาของจำเลยทั้งสองพร้อมทั้งยื่นคำแถลงขอยื่นบัญชีระบุพยานในชั้นไต่สวนอนาถาต่อศาลชั้นต้น และวันที่ 12 พฤศจิกายน 2544 ได้มอบฉันทะให้เสมียนของโจทก์ แต่เป็นการดำเนินคดีชั้นไต่สวนอนาถา วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2545 ซึ่งเป็นวันนัดไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยทั้งสอง แต่ไม่อาจดำเนินการไต่สวนได้เพราะว่าศาลชั้นต้นได้ส่งสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาสั่งเรื่องที่โจทก์ไม่นำส่งหมายและสำเนาอุทธรณ์แก่จำเลยทั้งสอง ทนายความโจทก์จึงทราบว่ายังไม่ได้นำส่งหมายและสำเนาอุทธรณ์แก่จำเลยทั้งสอง ต่อมาวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2545 หลังจากที่ทนายความโจทก์ทราบจากศาลชั้นต้นแล้ว ทนายความโจทก์ได้ยื่นคำแถลงขออนุญาตนำส่งหมายและสำเนาอุทธรณ์ โดยอ้างว่าหลังจากได้ยื่นอุทธรณ์แล้วทนายความโจทก์ได้มอบหมายให้เสมียนของทนายความโจทก์ไปดำเนินการวางเงินค่านำหมายและสำเนาอุทธรณ์แล้ว และเสมียนของทนายความโจทก์ได้แจ้งแก่ทนายความโจทก์ว่านำหมายและสำเนาอุทธรณ์และส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่จำเลยทั้งสองแล้ว ทั้งค่าขึ้นศาลที่เสียเพิ่มไปแล้วก็เป็นเงินจำนวนมาก ไม่มีเหตุผลอะไรที่โจทก์จะทิ้งฟ้องอุทธรณ์ พฤติการณ์ไม่แน่ชัดว่าทนายความโจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินการนำส่งหมายและสำเนาอุทธรณ์ให้แก่จำเลยทั้งสอง ประกอบกับทนายความโจทก์ได้ยื่นคำแถลงขออนุญาตนำส่งหมายและสำเนาอุทธรณ์ก่อนศาลอุทธรณ์ส่งคำพิพากษามาอ่าน และปัญหาที่อุทธรณ์เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมสมความให้โอกาสโจทก์ได้นำส่งหมายและสำเนาอุทธรณ์ตามที่ขอ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์ทิ้งฟ้องอุทธรณ์และพิพากษาให้จำหน่ายคดีนั้นไม่ชอบ ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น” พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์ดำเนินการนำส่งหมายและสำเนาอุทธรณ์ให้แก่จำเลยทั้งสองภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดแล้วดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นนี้ให้เป็นพับ

Share