คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1395/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องความผิดฐานฉ้อโกงนั้นจะต้องปรากฎว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตอันเป็นองค์แห่งความผิดอยู่ด้วยแต่หาจำเป็นถึง กับจะต้องระบุถ้อยคำว่า มีเจตนาทุจริตลงในฟ้องโดยตรงเสมอไปไม่ หากฟ้องกล่าวข้อความซึ่งเมื่อพิเคราะห์ทั้งหมดมีความหมายพอให้เข้าใจได้ว่า จำเลยมีเจตนาทุจริต ก็นับว่าเป็นการเพียงพอแล้ว ซึ่งทั้งนี้จะต้องพิเคราะห์ตามฟ้องเป็นเรื่อง ๆ ไป
ฟ้องฐานฉ้อโกงที่ไม่มีคำว่าทุจริตในฟ้อง แต่มีความหมายพอให้เข้าใจได้ว่า จำเลยมีเจตนาทุจริตซึ่งถือว่าเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ฐานฉ้อโกง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องกล่าวว่าเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๑ เวลากลางวัน จำเลยนี้ได้กระทำผิดต่อ ก.ม. โดยบังอาจใช้วาจากล่าวเท็จหลอกลวงโจทก์ว่า จำเลยมีเครื่องทองรูปพรรณ์หลายอย่างซึ่งเป็นทองคำแท้ มีน้ำหนักรวม ๒๐๔ กรัม นำมาวางไว้กับโจทก์ โดยจำเลยขอกู้เงินของโจทก์ไป ๔๐๐๐ บาท โจทก์หลงเชื่อว่าเครื่องทองรูปพรรณซึ่งจำเลยนำมาวางนั้นเป็นทองคำอันแท้จริง จึงได้ยอมให้จำเลยกู้เงินของโจทก์ไป ๔๐๐๐ บาท มีกำหนดเวลากู้ ๑ เดือน ครั้นต่อมาครบกำหนดเวลากู้จำเลยไม่นำต้นเงินมาใช้คืนให้โจทก์ ๆ ทวงเตือนหลายครั้งก็แกล้งเพิกเฉย โจทก์มีความสงสัยในเครื่องทองรูปพรรณที่จำเลยนำมาวางไว้น่าจะไม่บริสุทธิ์ จึงขอให้ช่างทองตรวจดูปรากฎว่า เครื่องทองรูปพรรณของจำเลยเหล่านั้นเป็นของเทียม หาใช่ทองคำอันแท้จริงไม่ ทั้งนี้ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายเหตุเกิดที่ตำบลบ่อยาง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา ขอให้ลงโทษตามมาตรา ๓๐๔, ๓๑๐
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โดยอ้างว่าฟ้องไม่สมบูรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าฟ้องความผิดฐานฉ้อโกงนั้นจะต้องปรากฎว่า จำเลยมีเจตนาทุจริตอันเป็นองค์แห่งความผิดอยู่ด้วยแต่ศาลฎีกาเห็นว่าหาจำเป็นถึงกับจะต้องระบุถ้อยคำว่ามีเจตนา ทุจริตลงในฟ้องโดยตรงเสมอไปไม่หากฟ้องกล่าวข้อความซึ่งเมื่อพิเคราะห์ทั้งหมดมีความหมายพอให้เข้าใจได้ว่า จำเลยมีเจตนาทุจริต ก็นับว่าเป็นการเพียงพอแล้วซึ่งทั้งนี้จะต้องพิเคราะห์ตามฟ้องเป็นเรื่องๆ ไป สำหรับคดีนี้เมื่อพิเคราะห์ฟ้องทั้งหมดประกอบกันแล้ว ย่อมมีความหมายว่า การที่จำเลยนำทองรูปพรรณมาวางไว้กับโจทก์เพื่อขอกู้เงินโจทก์นั้น จำเลยได้บังอาจกล่าวเท็จโดยเจตนาหลอกลวงโจทก์ว่าเป็นทองคำแท้ซึ่งความจริงก็เป็นของเทียม และโจทก์หลงเชื่อคำหลอกลวงของจำเลยจึงยอมให้จำเลยกู้เงินไป ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายเป็นพฤติการณ์ที่เห็นได้แล้วว่ามีเจตนาทุจริตอยู่ในตัวไป ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายเป็นพฤติการณ์ที่เห็นได้แล้วว่า มีเจตนาทุจริตอยู่ในตัวฟ้องของโจทก์จึงสมบูรณ์ในฐานฉ้อโกง
จึงพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองโดยให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

Share