คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1393/2550

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ป.อ. มาตรา 340 ตรี บัญญัติให้ผู้กระทำความผิดตามมาตรา 339 โดยใช้อาวุธปืนต้องระวางโทษหนักกว่าที่บัญญัติไว้ในมาตรา 339 กึ่งหนึ่งนั้น หาใช่เรื่องการเพิ่มโทษไม่ จะนำ ป.อ. มาตรา 51 มาเปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นจำคุก 50 ปี เพื่อระวางโทษหนักขึ้นอีกกึ่งหนึ่งไม่ได้ จึงนำ ป.อ. มาตรา 340 ตรี มาปรับด้วยไม่ได้ จำเลยคงมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 339 วรรคสุดท้าย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339, 340 ตรี กับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืน จำนวน 30 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคห้า ประกอบด้วยมาตรา 340 ตรี ให้ลงโทษประหารชีวิต กับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืน จำนวน 30 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติได้ในเบื้องต้นว่า เด็กหญิงสมใจ เทพอักษร ผู้เสียหายเป็นบุตรของนายสมบูรณ์ เทพอักษร และนางคล่อง ราชเดิม ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง มีคนร้ายใช้อาวุธปืนชิงทรัพย์สร้อยคอโลหะชุบทอง 1 เส้น ราคา 30 บาท ของผู้เสียหาย แล้วใช้อาวุธปืนยิงนายไสว ราชเดิม จนถึงแก่ความตาย ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่า จำเลยเป็นคนร้ายที่กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ โจทก์มีนางคล่อง นายสมบูรณ์ และผู้เสียหายเบิกความว่า ขณะเกิดเหตุเป็นเวลาประมาณ 3 นาฬิกา นางคล่องตื่นนอนและจุดตะเกียงไว้ในบ้านแล้วออกไปกรีดยางพารา ผู้เสียหายกำลังนอนหลับอยู่ ส่วนนายสมบูรณ์อยู่ในครัวกำลังจะตามนางคล่องไปกรีดยางพารา ผู้เสียหายรู้สึกว่ามีคนมาลูบต้นคอจึงรู้สึกตัวตื่น เห็นจำเลยยืนถืออาวุธปืนสั้นอยู่โดยจำเลยขู่บังคับให้ถอดสร้อยคอให้ ผู้เสียหายรู้สึกกลัวจึงถอดสร้อยคอให้แล้วจำเลยออกไป นายสมบูรณ์ได้ยินเสียงพูดจึงถามผู้เสียหายว่าเสียงอะไร ผู้เสียหายบอกว่าจำเลยมาเอาสร้อยคอไป นายสมบูรณ์เห็นจำเลยเดินออกไปทางหน้าบ้าน จึงเดินตามจำเลยไปมีเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด บริเวณหน้าบ้าน นายสมบูรณ์เห็นจำเลยวิ่งออกไปและเห็นผู้ตายถูกยิงถึงแก่ความตายอยู่บนแคร่หน้าบ้าน จึงให้นายเคลื่อนซึ่งเป็นบุตรของนางคล่องที่เกิดจากสามีคนก่อนและพักอาศัยอยู่ที่โรงทำน้ำยางพาราใกล้ที่เกิดเหตุไปตามนางคล่องกลับมาและไปแจ้งต่อเจ้าพนักงานตำรวจ เจ้าพนักงานตำรวจได้ออกหมายจับจำเลยไว้ ต่อมาปี 2542 เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยได้ เห็นว่า ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืนแต่ภายในบ้านมีตะเกียงน้ำมันจุดไว้ ทำให้มีแสงสว่างพอที่จะมองเห็นกันได้ ผู้เสียหายเห็นจำเลยนุ่งกางเกงขาสั้นสีดำ ไม่สวมเสื้อและในมือถืออาวุธปืนสั้นขู่บังคับเอาสร้อยคอของตน เมื่อนายสมบูรณ์สอบถามผู้เสียหายก็บอกว่าจำเลยมาเอาสร้อยไป นายสมบูรณ์ตามไปดูก็เห็นจำเลยแต่งกายตรงกับที่ผู้เสียหายบอก นอกจากนั้นขณะนางคล่องไปแจ้งความก็ระบุชื่อจำเลยว่าเป็นคนร้ายทันที พยานโจทก์ทั้งสามรู้จักจำเลยมาก่อนเพราะบ้านอยู่ใกล้บ้านจำเลย นายสมบูรณ์และผู้เสียหายเบิกความสอดคล้องต้องกันในสาระสำคัญแห่งคดีและเชื่อมโยงกับคำเบิกความของนางคล่อง พยานโจทก์ทั้งสามไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลย ไม่มีเหตุที่จะแกล้งเบิกความปรักปรำจำเลยให้ต้องรับโทษ แม้ขณะเกิดเหตุจะไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นขณะที่ผู้ตายถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนยิง แต่พฤติการณ์ที่นายสมบูรณ์เห็นจำเลยถืออาวุธปืนสั้นเดินหนีออกไปทางหน้าบ้านแล้วผู้ตายถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงถึงแก่ความตายจำเลยวิ่งหนีออกไป เหตุการณ์เกิดขึ้นในระยะกระชั้นชิดกับการชิงทรัพย์สร้อยคอของผู้เสียหาย ซึ่งไม่มีบุคคลอื่นใดอยู่ในบริเวณนั้น พฤติการณ์แห่งคดีเชื่อได้ว่าจำเลยเป็นผู้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายจริง พยานหลักฐานโจทก์รับฟังได้โดยปราศจากข้ออันควรสงสัยว่าจำเลยได้กระทำความผิดตามฟ้องจริง ที่จำเลยนำสืบอ้างฐานที่อยู่ว่าไม่ได้กระทำความผิดตามฟ้องไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษายกฟ้องโจทก์ ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น แต่ตามรูปคดีที่จำเลยกระทำความผิดเพียงลำพังซึ่งอาจเป็นเพราะความโลภ โดยไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยมีประวัติเป็นอาชญากร กรณียังไม่สมควรลงโทษจำเลยถึงประหารชีวิตจึงให้ลงโทษจำคุกจำเลยตลอดชีวิต ส่วนการที่ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 ตรี บัญญัติให้ผู้กระทำความผิดตามมาตรา 339 โดยใช้อาวุธปืน ต้องระวางโทษหนักกว่าที่บัญญัติไว้ในมาตรา 339 กึ่งหนึ่ง นั้น หาใช่เป็นเรื่องการเพิ่มโทษไม่ จะนำประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 51 มาเปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นโทษจำคุก 50 ปี เพื่อระวางโทษหนักขึ้นอีกกึ่งหนึ่งไม่ได้ จึงนำประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 ตรี มาปรับด้วยไม่ได้ จำเลยคงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสุดท้าย”
พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสุดท้าย ให้ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต และให้จำเลยคืนสร้อยคอโลหะชุบทอง 1 เส้น หรือใช้ราคา 30 บาท แก่ผู้เสียหาย

Share