คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 490/2494

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เช่าที่ดินเขามาแล้วปลูกห้องแถวให้คนเช่าอยู่อาศัยเมื่อเจ้าของที่ดินบอกเลิกการเช่าที่ดินและให้รื้อห้องแถวไปดังนี้ เจ้าของห้องแถวจึงฟ้องขับไล่ผู้เช่าห้องแถว เนื่องจากบอกเลิกสัญญาเช่าแล้ว ผู้เช่าไม่ยอมออกไป ถ้าผู้เช่ามิได้ให้การโต้แย้งการบอกเลิกสัญญาเช่าที่ดินของเจ้าของที่ดินที่บอกเลิกกับเจ้าของห้องแถวไวแล้ว แต่กลับแถลงรับว่าเป็นความจริง ผู้เช่าย่อมไม่มีสิทธิที่จะยก พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ มาใช้บังคับแก่เจ้าของห้องแถวได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เช่าห้องของจำเลยอยู่ นำค่าเช่าไปชำระจำเลยไม่ยอมรับ จึงขอให้ศาลบังคับให้จำเลยรับค่าเช่า หรือให้ตั้งสถานที่วางทรัพย์
จำเลยต่อสู้ว่า ได้เลิกสัญญาเช่ากับโจทก์แล้ว เนื่องจากกรมรถไฟผู้เป็นเจ้าของที่ดิน ที่ฝ่ายจำเลยเช่าปลูกห้องแถวได้บอกเลิกการเช่ากับฝ่ายจำเลย ให้ฝ่ายจำเลยรื้อห้องแถวไป และจำเลยได้ฟ้องแย้งขอให้ขับไล่โจทก์ออกจากห้องเช่า โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า ห้องพิพาทอยู่ในเขตต์เทศบาล ย่อมได้รับความคุ้มครองตามพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ
วันชี้สองสถาน คู่ความรับกันว่า
(๑) โจทก์เช่าเคหะจากจำเลยจริง โดยไม่มีหนังสือสัญญาเช่า
(๒) จำเลยได้บอกเลิกการเช่าต่อโจทก์แล้ว แต่โจทก์ไม่ยอมให้บอกเลิก
(๓) ที่ดินที่ปลูกห้องแถวเป็นที่ดินของกรมรถไฟ
(๔) กรมรถไฟได้มีหนังสือให้รื้อถอนห้องแถวตามเอกสารที่จำเลยอ้างจริง
(๕) จำเลยไม่รับและไม่ยอมรับค่าเช่าเคหะจริง เพราะเหตุตามคำให้การจำเลย
คู่ความรับกันดังกล่าวแล้วแถลงไม่สืบพยาน ให้ศาลวินิจฉัยตามสำนวน
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์กับบริวารออกจากห้องพิพาท
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาปรึกษาโดยที่ประชุมใหญ่เห็นว่า เรื่องนี้ โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรรับชำระค่าเช่า จำเลยให้การและฟ้องแย้งขอให้ขับไล่โจทก์ อ้างว่าที่ดินที่ปลูกสร้างอาคาร เป็นของกรมรถไฟซึ่งพระรัฐกิจวิจารณ์เช่ามา บัดนี้กรมรถไฟได้เลิกสัญญาเช่าแล้วให้จำเลยรื้ออาคารไป โจทก์ก็แถลงรับว่าเป็นจริงมิได้โต้แย้งแต่ประการใด เป็นแต่ว่าอ้างโจทก์ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ ก็เมื่อจำเลยไม่ใช่เจ้าของที่และเจ้าของที่ดินที่ได้บอกเลิกสัญญาแล้ว โจทก์ผู้เช่าจากจำเลยย่อมไม่มีสิทธิที่จะยก พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ มาใช้บังคับแก่จำเลยได้ ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
เหตุนี้ จึงพิพากษายืน

Share