แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ธ. ไม่มีส่วนเป็นเจ้าของที่ดินพิพาท ไม่ปรากฏว่าเป็นหุ้นส่วนลงทุนในการก่อสร้างห้องแถว จำเลยมิได้โต้แย้งสิทธิของ ธ. แต่อย่างใด ธ.จึงไม่มีอำนาจฟ้องในฐานะส่วนตัว เมื่อ ธ. มิได้ยื่นคำร้องขออนุญาตต่อศาล และไม่ปรากฏว่าศาลได้อนุญาตให้ฟ้องคดีในฐานะผู้จัดการทรัพย์สินของ ก. ผู้ไม่อยู่ได้ ธ. จึงไม่มีอำนาจฟ้องในฐานะดังกล่าว จะถือว่าการที่ศาลชั้นต้นรับคำฟ้องเท่ากับเป็นการอนุญาตให้โจทก์ฟ้องในฐานะดังกล่าวหาได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้อนุบาลของนายภิญโญผู้ไร้ความสามารถและเป็นผู้จัดการทรัพย์สินของนายโกวิทผู้ไม่อยู่ตามคำสั่งศาล นายภิญโญกับนายโกวิทเป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ ๓๒๘๑ และ ๓๒๖๒ เมื่อประมาณ ๓๐ ปี ก่อนฟ้อง นายเปงกังได้เช่าที่ดินโฉนดเลขที่ ๓๒๘๑ อยู่อาศัยและทำการค้า ต่อมานายเปงกังให้ญาติรวมทั้งจำเลยที่ ๑ กับครอบครัวมาปลูกบ้านในที่ดินดังกล่าวในฐานะบริวารของนายเปงกัง ต่อมาฝ่ายโจทก์ต้องการลงทุนเพื่อหาประโยชน์สร้างตึกแถวในเช่า ๑๙ คูหา จึงฟ้องขับไล่นายเปงกัง ศาลพิพากษาตามยอมให้นายเปงกังออกไปจากที่พิพาท แต่จำเลยที่ ๑ ได้โต้แย้งกรรมสิทธิ์ ไม่ยอมออกจากที่ดิน ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้ศาลพิพากษาบังคับขับไล่
จำเลยทั้งเจ็ดให้การว่า ที่ดินที่จำเลยที่ ๑ และครอบครัวปลูกบ้านเป็นที่ดินของจำเลยที่ ๑ เอง โดยจำเลยที่ ๑ กับสามีได้ทำการบุกร้างถางป่าปลูกบ้านอยู่อาศัยและทำการค้าโดยสงบเปิดเผยและด้วยเจตนาเป็นเจ้าของมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๘๙ ที่ดินดังกล่าวจึงเป็นของจำเลยที่ ๑ โดยการครอบครองปรปักษ์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาขับไล่จำเลยทั้งเจ็ดและบริวารออกจากโฉนดที่ดินพิพาท
จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๖ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า นายธีระ นภาพร ไม่มีส่วนเป็นเจ้าของโฉนดเลขที่ ๓๒๘๑ ไม่มีอำนาจฟ้องในฐานะส่วนตัว และไม่มีอำนาจฟ้องในฐานะผู้จัดการทรัพย์สินของนายโกวิท ผู้ไม่อยู่ เพราะมิได้ยื่นคำร้องขออนุญาตฟ้องคดีนี้ต่อศาลก่อนพิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยทั้งเจ็ดไม่ต้องใช้จ่ายค่าจ้างเหมาปลูกสร้างที่โจทก์ต้องเสียเพิ่มขึ้นคงให้ใช้ค่าขาดประโยชน์เดือนละ ๑,๕๐๐ บาท แก่นายภิญโญจารุเศรษฐ ให้ยกฟ้องนายธีระในฐานะส่วนตัวและในฐานะผู้จัดการทรัพย์สินของนายโกวิท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า นายธีระ นภาพร ไม่มีส่วนเป็นเจ้าของที่พิพาทและตามฟ้องไม่ปรากฏว่าเป็นผู้มีหุ้นส่วนลงหุ้นในการก่อสร้าง จำเลยที่ ๑ มิได้โต้แย้งสิทธินายธีระ นายธีระจึงไม่มีอำนาจฟ้องในฐานะส่วนตัว ส่วนที่นายธีระฟ้องในฐานะผู้จัดการทรัพย์สินของนายโกวิท ผู้ไม่อยู่นั้น เห็นว่าผู้จัดการทรัพย์สินของผู้ไม่อยู่มีอำนาจอย่างตัวแทนซึ่งได้รับมอบอำนาจทั่วไป เมื่อจะทำการใด ๆ เกินขอบอำนาจต้องได้รับอนุญาตจากศาลก่อนแล้วจึงจะทำได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๕๘ การยื่นฟ้องต่อศาลเป็นกรณีที่ถูกจำกัดไม่ให้ทำตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๘๐๑(๕) เมื่อนายธีระมิได้ยื่นคำร้องขออนุญาตต่อศาลและไม่ปรากฏว่าการอนุญาตให้ฟ้องคดีในฐานะเป็นผู้จัดการทรัพย์สินของนายโกวิทผู้ไม่อยู่ได้ นายธีระจึงไม่มีอำนาจฟ้อง ในฐานะดังกล่าวจะถือว่าที่ศาลชั้นต้นรับคำฟ้องคดีนี้เป็นการอนุญาตให้โจทก์ฟ้องในฐานะผู้จัดการทรัพย์สินของผู้ไม่อยู่หาได้ไม่
พิพากษายืน