แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่โจทก์จำเลยแถลงรับกันว่าข้อเท็จจริงในคดีก่อนเป็นอย่างเดียวกับคดีนี้และตกลงท้ากันว่า ถ้าศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยชนะคดี จำเลยก็ชนะคดีทุกประเด็นนั้นเป็นเรื่องขอให้ถือเอาผลคำพิพากษาฎีกาในคดีก่อนเป็นข้อสำคัญที่จะให้โจทก์หรือจำเลยแพ้คดีหาใช่ถือเอาผลคำวินิจฉัยในประเด็นข้อใดข้อหนึ่งเป็นข้อแพ้ชนะไม่ ฉะนั้น เมื่อคดีก่อนศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยว่าสัญญาระหว่างโจทก์จำเลยเป็นการจ้างที่มีกำหนดเวลาไว้แน่นอน และที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า จำเลยทำสัญญาจ้างเพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายค่าชดเชย เป็นการพิพากษานอกประเด็น ผลก็คือโจทก์แพ้คดีโดยศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง จึงตรงตามคำท้าแล้วจำเลยย่อมชนะคดีโดยไม่จำต้องสืบพยาน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจ้างโจทก์เป็นลูกจ้างประจำ จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้าและไม่จ่ายค่าชดเชย จำเลยทำสัญญาจ้างโจทก์โดยกำหนดระยะเวลาจ้างเป็นช่วง ๆ เมื่อหมดสัญญาจ้างก็ต่อสัญญาจ้างไปเรื่อย ๆ ทั้ง ๆ ที่งานของจำเลยยังไม่เสร็จตามโครงการ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่จ่ายค่าชดเชยตามกฎหมายสัญญาจ้างจึงเป็นสัญญาที่ไม่มีกำหนดระยะเวลาการจ้างแน่นอน จำเลยเลิกจ้างโจทก์เป็นการเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าเสียหายค่าชดเชย และสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า
จำเลยให้การว่า จำเลยได้จ้างโจทก์เพื่อทำงานในโครงการทางด่วนพิเศษโดยมีกำหนดเวลาการจ้างแน่นอนและระบุรายละเอียดไว้ในสัญญาโดยชัดแจ้ง งานที่จำเลยจ้างโจทก์เป็นงานที่ใช้แรงงานซึ่งมีลักษณะเป็นไปตามฤดูกาลและความจำเป็นของงานแต่ละช่วง จำเลยไม่มีเจตนาที่จะหลีกเลี่ยงไม่จ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์เมื่อเลิกจ้างโจทก์ทราบดีอยู่แล้วว่าสัญญาจ้างจะสิ้นสุดลงเมื่อใด จำเลยเลิกจ้างโจทก์เมื่อครบกำหนดเวลาจ้าง โจทก์ไม่ได้รับความเสียหายจึงไม่มีสิทธิได้รับค่าชดเชยและค่าเสียหาย ขอให้พิพากษายกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า 1. จำเลยทำสัญญาจ้างเพื่อหลีกเลี่ยงความรับผิดในการจ่ายค่าชดเชยหรือไม่ 2. จำเลยต้องจ่ายเงินสินจ้างที่เลิกจ้างโดยไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้าหรือไม่ 3. การเลิกจ้างเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมหรือไม่และค่าเสียหาย
ในวันนัดพิจารณาโจทก์จำเลยแถลงว่า คดีนี้กับคดีหมายเลขแดงที่ 1604/2524 ของศาลแรงงานกลาง มีข้อเท็จจริงอย่างเดียวกัน คดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกาโจทก์จำเลยตกลงกันขอให้ถือเอาคดีดังกล่าวเป็นข้อแพ้ชนะในคดีนี้ ถ้าศาลฎีกาพิพากษาให้โจทก์ชนะ จำเลยก็แพ้ในประเด็นข้อ 1 ส่วนประเด็นข้อ 2, 3 ให้ศาลพิพากษาตามรูปคดี ถ้าศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยชนะ จำเลยก็ชนะคดีทั้งสามประเด็นต่อมาศาลฎีกาพิพากษาในคดีนั้นให้ยกฟ้องโจทก์ โดยวินิจฉัยว่า สัญญาจ้างระหว่างโจทก์จำเลยเป็นการจ้างที่กำหนดระยะเวลาการจ้างไว้แน่นอน การที่ศาลแรงงานกลางฟังว่าการทำสัญญาจ้างเพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายค่าชดเชยเป็นการพิพากษานอกฟ้อง ปรากฏตามคำพิพากษาฎีกาที่ 3726/2524 ศาลแรงงานกลางเห็นว่าเมื่อศาลฎีกาพิพากษาว่าเป็นเรื่องนอกประเด็น เท่ากับไม่ได้วินิจฉัยในประเด็นข้อ 1 ให้นัดสืบพยานต่อไป
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์จำเลยตกลงกันขอให้ศาลวินิจฉัยตามคำท้าดังกล่าวข้างต้นและผลตามคำพิพากษาฎีกาที่ 3726/2524 ว่า ศาลจะต้องพิพากษาให้จำเลยชนะคดีโดยไม่ต้องสืบพยานตามคำท้าหรือไม่ ถ้าศาลวินิจฉัยถึงที่สุดว่าจะต้องพิพากษาให้จำเลยชนะคดีโดยไม่ต้องสืบพยาน โจทก์ยอมแพ้ ถ้าศาลวินิจฉัยถึงที่สุดว่าจะต้องสืบพยานต่อไป จำเลยยอมแพ้ และโจทก์คงติดใจเรียกร้องแต่ค่าชดเชยเท่านั้น ต่างฝ่ายต่างไม่ติดใจสืบพยาน
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า ศาลฎีกาพิพากษาว่าการที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าคดีรับฟังได้ว่าการทำสัญญาจ้างก็เพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายค่าชดเชย เป็นการพิพากษานอกฟ้อง พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ เท่ากับศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยว่าสัญญาจ้างเป็นการหลีกเลี่ยงกฎหมายหรือไม่ตามประเด็นที่ท้ากัน ต้องสืบพยานกันต่อไป จำเลยจึงต้องแพ้คดีตามคำท้า พิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ก่อนที่โจทก์จำเลยจะตกลงท้ากันต่างแถลงรับกันว่าข้อเท็จจริงในคดีก่อนเป็นอย่างเดียวกับคดีนี้ ที่โจทก์จำเลยท้ากันว่าถ้าศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยชนะคดี จำเลยก็ชนะคดีทุกประเด็น เป็นเรื่องที่โจทก์จำเลยขอให้ถือเอาผลคำพิพากษาในคดีก่อนเป็นข้อสำคัญที่จะให้โจทก์หรือจำเลยแพ้คดี หาใช่ให้ถือเอาผลคำวินิจฉัยของศาลฎีกาในประเด็นข้อใดข้อหนึ่งเป็นข้อแพ้ชนะไม่ ฉะนั้นเมื่อคดีก่อนศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องโจทก์ โดยวินิจฉัยสัญญาจ้างแรงงานระหว่างโจทก์จำเลยเป็นการจ้างที่มีกำหนดระยะเวลาไว้แน่นอนและที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าโจทก์ทำสัญญาจ้างกับจำเลยเพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายค่าชดเชยให้โจทก์เป็นการพิพากษานอกประเด็น ผลก็คือโจทก์ในคดีก่อนแพ้คดีโดยศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง เท่ากับผลคำพิพากษาฎีกานั้นได้เป็นไปตรงคำท้าของโจทก์จำเลยในคดีนี้แล้วจำเลยย่อมชนะคดีโดยไม่จำเป็นต้องสืบพยานต่อไปอีก โจทก์จึงต้องแพ้คดีตามคำท้า
พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์