คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1332/2496

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์จำเลยตกลงประณีประนอมยอมความกันในศาลจนศาลพิพากษาบังคับคดีไปตามยอมแล้ว ไม่มีการอุทธรณ์ฎีกาคดีถึงที่สุดแล้ว เช่นนี้จำเลยจะกลับมาฟ้องโจทก์ขอให้เพิกถอนคำพิพากษาตามยอม โดยอ้างว่าตนทำยอมไปโดยสำคัญผิดไม่ได้

ย่อยาว

เดิมจำเลยเป็นโจทก์ฟ้องนายจันทร์โจทก์ในคดีนี้ ร่วมกับนายประยูร นางสิงหล ให้ชำระหนี้เงินกู้ซึ่งนายประยูร เป็นผู้กู้ โจทก์และนายสิงหลเป็นผู้ค้ำประกัน โจทก์ยอมทำสัญญาประณีประนอมยอมความใช้เงินให้จำเลย ศาลจึงพิพากษาและบังคับคดีไปตามยอม ปรากฎตามสำนวนคดีแพ่งแดงที่ ๒๕๐/๒๔๙๔ ของศาลจังหวัดราชบุรี
บัดนี้โจทก์มาฟ้องจำเลย ขอให้สั่งเพิกถอนสัญญายอมความกับคำพิพากษาท้ายยอมในคดีก่อนนั้นเสีย อ้างว่าโจทก์สำคัญผิด
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาเห็นว่า โดยผลของคำพิพากษาในคดีก่อนย่อมผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นคู่ความตลอดมาจนกว่าคำพิพากษานั้นจะถูกเปลี่ยนแปลง ฯลฯ ในทางอุทธรณ์ฎีกาตามกระบวนพิจารณา โจทก์จะมาฟ้องให้เพิกถอนคำพิพากษาให้ตนพ้นผิดโดยอ้างว่าทำยอมไปโดยสำคัญผิดเช่นนี้ไม่ได้
จึงพิพากษายืน

Share