คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1356/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทนายจำเลยขอเลื่อนคดีเพราะทนายเองป่วยมาครั้งหนึ่งแล้วศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนคดีและกำชับว่านัดหน้า ให้เตรียมพยานมาให้พร้อม จะไม่ให้เลื่อนคดีอีก นัดต่อมาทนายจำเลยขอเลื่อนคดีอ้างว่าตัวจำเลยป่วยกะทันหันอยู่ที่ต่างจังหวัดโดยในคำร้องก็ไม่ระบุว่าจำเลยคนใดป่วย ป่วยเป็นอะไร อยู่ที่จังหวัดใด ทั้งพยานอื่นทนายจำเลยก็ไม่จัดให้มาเบิกความ พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยประวิงคดี ศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ กู้เงินโจทก์ ๖๐๐,๐๐๐ บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๑๕ ต่อปี จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ทำสัญญาค้ำประกันจำเลยที่ ๑ อย่างลูกหนี้ร่วม หนี้ถึงกำหนดแล้ว จำเลยที่ ๑ ชำระเงินต้นให้โจทก์เพียง ๑๑,๙๕๐.๖๙ บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงิน ๙๖๒,๖๒๘.๖๖ บาท พร้อมดอกเบี้ยจากต้นเงิน ๕๘๘,๐๔๙.๓๑ บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสามให้การต่อสู้คดีหลายประการ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินต้นและดอกเบี้ยแก่โจทก์ตามฟ้อง
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์เฉพาะคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดี และสั่งงดสืบพยานจำเลยว่าไม่ชอบ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปรากฏว่าศาลชั้นต้นนัดสืบพยานจำเลยครั้งแรกวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๒๗ ทนายจำเลยขอเลื่อนคดีอ้างว่าป่วย โจทก์ไม่ค้าน ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนคดีไปวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๘ พร้อมกับกำชับจำเลยให้เตรียมพยานมาให้พร้อมศาลจะไม่ยอมให้เลื่อนคดีอีก ครั้นถึงวันนัดทนายจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างว่าจำเลยป่วยกะทันหันอยู่ที่ต่างจังหวัดเห็นว่า การเลื่อนคดีนัดแรก ศาลชั้นต้นกำชับจำเลยให้เตรียมพยานมาให้พร้อมจะไม่ยอมให้เลื่อนคดีอีก ครั้นนัดที่สองทนายจำเลยก็ขอเลื่อนคดีอีก โดยคำร้องก็ไม่ได้ระบุว่าจำเลยที่เท่าไรป่วย ป่วยเป็นอะไร อยู่ที่จังหวัดใด ทั้งพยานอื่นทนายจำเลยก็ไม่จัดให้มาศาลเพื่อเบิกความ พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยประวิงคดีคำสั่งศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share