คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1308/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

คดีอาญาที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้ เช็คฯ โดย อาศัยเช็ค พิพาทกับคดีที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระเงินตาม เช็ค พิพาทฉบับ เดียว กัน ไม่ใช่คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา เพราะในคดีแพ่งเป็นกรณีที่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับผิดชดใช้เงินตาม เช็ค อันเป็นสิทธิเรียกร้องโดย ไม่ต้องอาศัยมูลความผิดทางอาญาตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ จึงนำ ป.วิ.อ. มาตรา 46 มาใช้บังคับไม่ได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คเลขที่ 0383926 ของธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาอุรุพงษ์ ลงวันที่ 20 ตุลาคม 2525 สั่งจ่ายเงิน100,000 บาท โดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งธนาคารตามเช็คให้ใช้เงินแก่จำเลยที่ 2 หรือผู้ถือ เพื่อชำระหนี้ จำเลยที่ 2สลักหลังเช็คชำระหนี้ให้แก่ห้างหุ้นส่วนลาดกระบังเธียเตอร์และห้างหุ้นส่วนลาดกระบังเธียเตอร์โอนชำระหนี้แก่โจทก์ ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2525 จำเลยทั้งสองจึงตกเป็นฝ่ายผิดนัดจะต้องร่วมกันรับผิดชำระเงินตามเช็คพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ระหว่างผิดนัด คิดถึงวันฟ้องรวมเป็นเงิน 107,500 บาท ขอให้พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินให้โจทก์จำนวน 107,500 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากต้นเงิน 100,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยทั้งสองจะชำระให้โจทก์เสร็จ
จำเลยที่ 1 ให้การว่า จำเลยที่ 1 ออกเช็คพิพาทให้แก่จำเลยที่ 2เพื่อประกันหนี้การโอนสิทธิการเช่าโรงภาพยนตร์ลาดกระบังเธียเตอร์ที่จำเลยที่ 2 ผู้เช่าเดิมได้เช่ามาจากห้างหุ้นส่วนลาดกระบังเธียเตอร์ แล้วโอนมาเป็นจำเลยที่ 1 เข้าทำสัญญาเช่าโดยตรงจากห้างหุ้นส่วนลาดกระบังเธียเตอร์ โดยมีข้อตกลงว่าจำเลยที่ 2 ผู้เช่าเดิมและห้างหุ้นส่วนลาดกระบังเธียเตอร์ผู้ให้เช่าจะต้องซ่อมแซมโรงภาพยนตร์ลาดกระบังเธียเตอร์ให้อยู่ในสภาพเดียวกับที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายให้ใช้เป็นสถานที่แสดงมหรสพครั้งแรก โดยจำเลยที่ 2 เป็นฝ่ายที่จะต้องออกค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมและให้นายชวนหุ้นส่วนผู้จัดการ ห้างหุ้นส่วนลาดกระบังเธียเตอร์เป็นผู้ดำเนินการแทน หากการซ่อมแซมแล้วเสร็จห้างหุ้นส่วนลาดกระบังเธียเตอร์จะส่งมอบโรงภาพยนตร์ลาดกระบังเธียเตอร์แก่จำเลยที่ 1 และระหว่างที่ดำเนินการซ่อมแซมอยู่ จำเลยที่ 1 สามารถเข้าไปดำเนินการในโรงภาพยนตร์ได้ก่อนต่อเมื่อนายชวนหุ้นส่วนผู้จัดการห้างหุ้นส่วนลาดกระบังเธียเตอร์และจำเลยที่ 2 ปฏิบัติตามเงื่อนไขของสัญญาเช่าครบถ้วนแล้วจำเลยที่ 1 จึงจะชำระหนี้การโอนสิทธิการเช่าโรงภาพยนตร์แก่จำเลยที่ 2 หลังจากทำสัญญาเช่าแล้วจำเลยที่ 2 และห้างหุ้นส่วนลาดกระบังเธียเตอร์ มิได้ดำเนินการซ่อมแซมโรงภาพยนตร์ จำเลยที่ 1จึงปิดบัญชีเงินฝากของจำเลยที่ 1 เพื่อมิให้ธนาคารใช้เงินตามเช็คพิพาท จำเลยที่ 1 ออกเช็คพิพาทเพื่อเป็นประกันหนี้เกี่ยวกับการโอนสิทธิการเช่าโรงภาพยนตร์ นายชวนหุ้นส่วนผู้จัดการห้างหุ้นส่วนลาดกระบังเธียเตอร์ผิดสัญญา และนำเช็คพิพาทไปโอนให้แก่โจทก์ โดยนายชวน ตั้งมติธรรม หุ้นส่วนผู้จัดการของโจทก์รับไว้แทนโจทก์ จึงเป็นการคบคิดกันฉ้อฉลจำเลยที่ 1
จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินตามเช็คแก่โจทก์จำนวน 100,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 28 ตุลาคม 2525 จนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยที่ 1สั่งจ่ายเช็คพิพาทเพื่อชำระหนี้ จำเลยที่ 2 เป็นผู้สลักหลังเช็คพิพาท และโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมาย เมื่อเช็คพิพาทขึ้นเงินไม่ได้ จำเลยทั้งสองจึงต้องรับผิดตามฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1ต่อศาลอาญา ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คโดยอาศัยเช็คพิพาท ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้องโจทก์ตามสำเนาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่แนบมาท้ายฎีกาศาลชอบที่จะพิพากษายกฟ้องคดีนี้ด้วยเพราะเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาดังกล่าว ศาลต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาส่วนอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้หาใช่คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาดังกล่าวดังที่จำเลยที่ 1 เข้าใจไม่ เพราะคดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับผิดชดใช้เงินตามเช็คอันเป็นสิทธิเรียกร้องโดยไม่ต้องอาศัยมูลความผิดทางอาญาตามพระราชบัญญัติดังกล่าว จึงนำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 มาใช้บังคับไม่ได้…”
พิพากษายืน.

Share