คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1281/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยมีไม้แดง 2 ท่อน ไม้เต็ง 1450 ท่อนและไม้สมอ 3 ท่อน รวม 1455 ท่อน ปริมาตร 58.20 ลูกบาศก์เมตร อันเป็นไม้หวงห้ามตามพระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ. 2505 ไว้ในความครอบครอง ภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ตามประกาศของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายและโจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484มาตรา 48, 73, 74 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503มาตรา 17 ประกาศกระทรวงเกษตร เรื่อง กำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ตาม พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 ลงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2499 ข้อ 1 พระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ. 2504 มาตรา 4 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 116 ลงวันที่ 10 เมษายน 2515 ข้อ 4 ซึ่งเป็นบทมาตราขอให้ลงโทษเฉพาะเรื่องมีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครอง ดังนี้ ตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์ประกอบกับบทมาตราที่ขอให้ลงโทษจำเลยเห็นได้ว่าโจทก์ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยตามบทกฎหมายที่โจทก์อ้างมาท้ายฟ้อง คือ ฐานมีไม้หวงห้ามแปรรูปไว้ในครอบครองหากแต่ข้อเท็จจริงตามที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยกระทำผิดดังที่โจทก์กล่าวในฟ้อง เป็นฐานมีไม้ท่อนหวงห้ามไว้ในครอบครองไม่เป็นความผิดตามบทกฎหมายที่โจทก์อ้าง หาใช่อ้างบทกฎหมายผิดไม่ จึงลงโทษจำเลยไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีไม้แดง ๒ ท่อน ไม้เต็ง ๑๔๕๐ ท่อน และไม้สมอ ๓ ท่อน รวม ๑๔๕๕ ท่อน ปริมาตร ๕๘.๒๐ ลูกบาศก์เมตร อันเป็นไม้หวงห้ามตามพระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ. ๒๕๐๕ ไว้ในความครอบครองภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ตามประกาศของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ มาตรา ๔๘, ๗๓, ๗๔ พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๐๓ มาตรา ๑๗ ประกาศกระทรวงเกษตรเรื่องกำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ ลงวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๔๙๙ ข้อ ๑ พระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ. ๒๕๐๔ มาตรา ๔ ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๑๖ ลงวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๑๕ ข้อ ๔ และริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามฟ้อง ของกลางริบ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า บทกฎหมายที่โจทก์อ้างขอให้ลงโทษจำเลยท้ายฟ้องเป็นบทลงโทษผู้มีไม้หวงห้ามแปรรูปไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่คดีได้ความตามฟ้องและคำให้การเพียงว่า จำเลยมีไม้ท่อนไว้ในความครอบครองเท่านั้น ยังฟังไม่ได้ว่าไม้ของกลางเป็นไม้ที่แปรรูปแล้ว ลงโทษจำเลยตามฟ้องไม่ได้พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ยกฟ้องโจทก์ ไม้ของกลางคืนจำเลย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาว่าโจทก์อ้างบทมาตราขอให้ลงโทษเฉพาะเรื่องมีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครอง พออนุมานได้ว่าเป็นเรื่องอ้างบทกฎหมายผิดศาลลงโทษตามบทกฎหมายที่ถูกต้องได้นั้น เห็นว่า ความผิดฐานมีไม้แปรรูปและความผิดฐานมีไม้ท่อนหวงห้ามไว้ในครอบครอง มีองค์ประกอบความผิดต่างกันมาก ตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์ประกอบกับบทมาตราที่โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลย เห็นได้ว่าโจทก์ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยตามบทกฎหมายที่โจทก์อ้างมาท้ายฟ้อง หากแต่ข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยกระทำผิดดังที่โจทก์กล่าวในฟ้อง ยังไม่เป็นความผิดตามบทกฎหมายที่โจทก์อ้าง หาใช่เป็นเรื่องโจทก์อ้างบทกฎหมายผิดดังโจทก์ฎีกาไม่ จึงลงโทษจำเลยไม่ได้ ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ไม้ของกลางไม่ริบ

Share