คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 563/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้เสียหายเป็นผู้เยาว์เข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการโดยบิดาให้ความยินยอมนั้นมิได้เป็นไปตามบทบังคับอันว่า ด้วยความสามารถของบุคคลตามกฎหมาย เพราะในคดีอาญานั้นผู้เยาว์จะเข้าร่วมเป็นโจทก์ได้ต้องกระทำโดยผู้แทน ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 3, 5 และ 6

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานกระทำอนาจารเด็กหญิงเซาเด๊าะอายุ ๑๔ ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๘ ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๑ ข้อ ๙
จำเลยให้การปฏิเสธ
เด็กหญิงเซาเด๊าะผู้เสียหายโดยนายบือซาบิดาให้ความยินยอมร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๗๘ และประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๑ ข้อ ๙ จำคุกจำเลยหกเดือน
โจทก์จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง และวินิจฉัยข้อกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องเด็กหญิงเซาเด๊าะผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมว่ากรณีเด็กหญิงเซาเด๊าะอายุ ๑๔ ปีจะเข้าเป็นโจทก์ร่วมได้ต้องกระทำโดยผู้แทนตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๓, ๕และ ๖ การที่เด็กหญิงเซาเด๊าะขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมโดยความยินยอมของนายบือซาผู้เป็นบิดาซึ่งศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตนั้น มิได้เป็นไปตามบทบังคับอันว่าด้วยความสามารถของบุคคลตามกฎหมาย แต่ว่าจะยกฟ้องหรือไม่รับพิจารณาเสียทีเดียวดังไม่ได้ ชอบที่จะสั่งให้แก้ไขความบกพร่องเสียก่อนตามนัยแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๕๖ วรรค ๔ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๖ และมาตรา ๑๕ เมื่อโจทก์ร่วมมิได้ฎีกาขึ้นมา และคดีไม่อาจทำให้คำวินิจฉัยของศาลฎีกาเกี่ยวกับปัญหาว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องของโจทก์หรือไม่เปลี่ยนแปลงไป การจะสั่งให้แก้ไขอำนาจฟ้องของโจทก์ร่วมให้ถูกต้องเสียก่อนในกรณีนี้จึงไม่จำเป็น เพราะไม่เกิดประโยชน์อย่างใด
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๘ ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๑ข้อ ๙ จำคุก ๓ เดือน ให้รอการลงโทษไว้ ๒ ปี

Share