คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2749/2517

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยจ่ายเช็คชำระหนี้ค่าซื้อเป็ดให้โจทก์เป็นเงิน 14,107 บาท แต่เบิกเงินไม่ได้ โจทก์จึงฟ้องให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ต่อมาจำเลยได้นำเช็คจำนวนเงิน 13,000 บาท มาชำระหนี้ค่าเป็ดให้โจทก์แต่หนี้ที่ค้างอยู่อีก 1,107 บาทนั้น จำเลยยังไม่ได้ชำระและโจทก์ไม่คืนเช็คฉบับแรกให้จำเลยแสดงว่าโจทก์ไม่ประสงค์จะให้คดีอาญาระงับ ยังถือไม่ได้ว่าได้มีการยอมความกัน อันจะทำให้สิทธิที่จะดำเนินเป็นอาญาของโจทก์ระงับไป

ย่อยาว

โจทก์ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ลงวันที่ 26 เดือนพฤศจิกายน พุทธศักราช 2516

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2515 เวลากลางวันจำเลยได้ออกเช็คของธนาคารกรุงไทย จำกัด สาขาทรงวาด เลขที่ เค เอส/7 526527 ลงวันที่สั่งจ่ายวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2515เงิน 14,107 บาท ชำระหนี้โจทก์ด้วยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค หรือออกเช็คโดยในขณะที่ออกไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ หรือออกเช็คให้ใช้เงินมีจำนวนสูงกว่าเงินที่มีอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ในขณะที่ออกเช็คนั้น ครั้นวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2515 โจทก์นำเช็คเข้าบัญชีของโจทก์ที่ธนาคารไทยพัฒนา จำกัด สาขาหัวลำโพงเพื่อเรียกเก็บเงิน ปรากฏว่าธนาคารกรุงไทย จำกัด สาขาทรงวาดได้ปฏิเสธการจ่ายเงิน เพราะเงินในบัญชีของจำเลยไม่พอจ่ายเหตุเกิดที่ตำบลจักรวรรดิ์ อำเภอสัมพันธวงศ์ และที่ตำบลป้อมปราบ อำเภอป้อมปราบศัตรูพ่าย นครหลวงกรุงเทพธนบุรี เกี่ยวพันกัน ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งประทับฟ้อง

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่า จำเลยออกเช็คให้ใช้เงินมีจำนวนสูงกว่าเงินที่มีอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ในขณะออกเช็คและคดีฟังไม่ได้ว่ามีการยอมความกันแล้ว พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497มาตรา 3 ให้จำคุกจำเลย 2 เดือน

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ฟังว่า โจทก์จำเลยได้ยอมความกันโดยชอบด้วยกฎหมายแล้วคดีนี้เป็นคดีความผิดต่อส่วนตัว สิทธิที่โจทก์จะฟ้องจำเลยจึงระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ทางพิจารณาข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า โจทก์มีอาชีพเลี้ยงเป็ด จำเลยมีอาชีพฆ่าเป็ดขาย โจทก์จำเลยเคยติดต่อซื้อขายเป็ดกันมาก่อนแล้วเมื่อปลายเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2515 จำเลยซื้อเป็ดโจทก์ประมาณ 2,000 ตัว เมื่อโจทก์ส่งเป็ดให้จำเลยครบถ้วนแล้ว วันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2515 จำเลยชำระหนี้ค่าเป็ดเป็นเงิน 14,107 บาท แก่โจทก์ด้วยเช็คธนาคารกรุงไทย จำกัด เอกสาร จ.1 ลงวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2515 เมื่อเช็คถึงกำหนดจ่ายเงินโจทก์เบิกเงินไม่ได้ธนาคารกรุงไทย จำกัด ปฏิเสธการจ่ายเงินเพราะเงินในบัญชีของจำเลยไม่พอจ่าย โจทก์จึงฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2515 และในวันที่27 เดือนเดียวกัน โจทก์ได้ฟ้องคดีอาญาอีกคดีหนึ่งกล่าวหาว่า เมื่อวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2515 นายตึ๊ง แซ่ลิ้ม กับจำเลยคดีนี้ได้ร่วมกันออกเช็คของสหธนาคารกรุงเทพฯ จำกัด เลขที่ เอ 19 – 292369 ลงวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2515 สั่งจ่ายเงิน 13,000 บาท ให้โจทก์ด้วยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คตามคดีของศาลอาญาหมายเลขดำที่ 5734/2515 คดีสำนวนหลังนี้ในที่สุดโจทก์จำเลยประนีประนอมยอมความกัน โจทก์จึงถอนฟ้องไปแล้ว และโจทก์นำสืบต่อไปว่าที่จำเลยชำระหนี้โจทก์ด้วยเช็คของนายตึ๊งนั้นเป็นหนี้ค่าซื้อเป็ดรายอื่น ไม่ใช่เป็ดที่เป็นมูลพิพาทกับคดีนี้

จำเลยนำสืบว่า เมื่อเช็คเอกสาร จ.1 ขึ้นเงินไม่ได้แล้ว ต่อมาต้นเดือนกันยายน พ.ศ. 2515 จำเลยได้เอาเช็คของนายตึ๊ง แซ่ลิ้มสั่งจ่ายเงิน 13,000 บาท ชำระหนี้ให้โจทก์โดยจำเลยได้สลักหลังเช็คไว้ด้วย แต่โจทก์ยังไม่คืนเช็คเอกสาร จ.1 โจทก์ว่าเมื่อจำเลยชำระเงินอีก 1,107 บาท ที่ยังค้างอยู่แล้วจึงจะคืนเช็คให้ อีก 3 – 4 วันลูกจ้างของโจทก์มาเอาเงินที่ยังค้างอยู่ แต่ไม่เอาเช็ค จ.1 มาคืนจำเลยจึงยังไม่ชำระเงิน เช็คของนายตึ๊งเมื่อถึงกำหนดจ่ายเงินแล้ว ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินโจทก์จึงฟ้องอีกคดีหนึ่ง ในที่สุดนายตึ๊งได้ชำระเงิน 13,000 บาทให้โจทก์แล้วโจทก์จึงถอนฟ้อง

ได้พิเคราะห์แล้ว โจทก์เองก็ยอมรับอยู่ว่าหลังเกิดเหตุคดีนี้แล้วโจทก์รับชำระหนี้จากจำเลยอีก 13,000 บาท โดยรับเช็คของนายตึ๊งไว้และให้จำเลยสลักหลังเช็ค โจทก์อ้างว่าเป็นเช็คชำระหนี้ค่าเป็ดรายอื่น แต่โจทก์มิได้เบิกความให้ชัดเจนว่าเป็นหนี้ที่เกิดจากการซื้อขายเป็ดรายไหน แต่เมื่อใด คดีกลับได้ความตามคำของโจทก์เองและคำของนายจือบุ้นบุตรโจทก์ว่า การซื้อเป็ดครั้งก่อน ๆ จำเลยชำระหนี้ด้วยเช็คสั่งจ่ายเงินทันทีและเก็บเงินได้เรียบร้อยแล้ว ต่อมาเมื่อเช็คเอกสาร จ.1 ขึ้นเงินไม่ได้ก็ไม่มีการซื้อขายเป็ดกันอีก ที่โจทก์ว่ามีหนี้ค่าเป็ดรายอื่นจึงฟังไม่ได้ น่าเชื่อว่าเป็นเช็คชำระหนี้ค่าเป็ดอันเป็นมูลพิพาทกันนี้ แต่หนี้ที่ค้างอยู่อีก 1,107 บาทนั้น จำเลยยังไม่ได้ชำระและโจทก์ยังไม่คืนเช็คเอกสาร จ.1 ให้จำเลย แสดงว่าโจทก์ไม่ประสงค์จะให้คดีทางอาญาระงับไป ถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้ยอมความคดีทางอาญากับจำเลยแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น

พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share