แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คำสั่ง ของศาลอุทธรณ์เป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 156 วรรคท้าย จึงไม่รับฎีกา คืนค่าขึ้นศาลให้จำเลย จำเลยทั้งสองเห็นว่า จำเลยสามารถและมีสิทธิยื่นฎีกาคำสั่งได้ และคดียังไม่ถึงที่สุด อีกทั้งมิได้ทำให้คดีเสร็จไปทั้งเรื่อง คำสั่งของศาลชั้นต้นจึงไม่ชอบโปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยทั้งสองไว้พิจารณาต่อไปด้วย หมายเหตุ โจทก์แถลงคัดค้าน (อันดับ 75) ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระเงินจำนวน 84,213 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันที่ 2 กรกฎาคม 2536 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ แก่โจทก์ จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ พร้อมกับยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งยกคำร้อง จำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำสั่งยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยทั้งสอง จำเลยทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 69) จำเลยทั้งสองจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 71)
คำสั่ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของจำเลยทั้งสองจำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นไปยังศาลอุทธรณ์ภาค 1 ศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำสั่งให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยทั้งสอง คำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค 1เป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคห้า จำเลยทั้งสองจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาคำสั่งของ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 นั้นต่อไป ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คำสั่งของ ศาลอุทธรณ์(ที่ถูกคือศาลอุทธรณ์ภาค 1) เป็นที่สุด และไม่รับฎีกานั้น ชอบแล้ว ให้ยกคำร้องของ จำเลยทั้งสอง