คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3369/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การแปลงหนี้เป็นสัญญาระหว่างคู่กรณีเพื่อระงับหนี้เดิมแล้วก่อให้เกิดหนี้ใหม่ขึ้นผูกพันกันแทน หนี้เดิมเป็นอันระงับไป จำเลยนำเช็คซึ่งผู้อื่นเป็นผู้สั่งจ่ายมาสลักหลังชำระหนี้ให้โจทก์ ไม่มีลักษณะเป็นการแปลงหนี้เพราะไม่มีการตกลงทำสัญญาแปลงหนี้กันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 349 แต่อย่างใดและไม่เป็นการแปลงหนี้ด้วยเปลี่ยนตัวลูกหนี้ตาม มาตรา 350เพราะผู้สั่งจ่ายเช็คซึ่งเป็นลูกหนี้ใหม่ไม่ได้เข้ามาทำสัญญากับโจทก์ด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 หุ้นส่วนผู้จัดการได้ทำสัญญากู้เงินโจทก์ในวงเงิน 600,000 บาท โดยจะรับเงินเป็นคราว ๆ จำเลยที่ 3 เป็นผู้ทำสัญญาค้ำประกันโดยยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม จำเลยที่ 1 รับเงินไป 3 คราวรวมจำนวนเงิน 317,399 บาท ได้นำเช็ค 6 ฉบับมาชำระหนี้เงินกู้ แต่เรียกเก็บเงินไม่ได้ 3 ฉบับเป็นเงิน 184,119 บาท จึงขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้เงินจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย

จำเลยทั้งสามให้การต่อสู้คดีหลายประการ และต่อสู้ว่าโจทก์กับจำเลยที่ 1ที่ 2 ได้ตกลงแปลงหนี้ด้วยการเปลี่ยนตัวลูกหนี้ โดยจำเลยได้นำบุคคลอื่นมาออกเช็คจำนวน 6 ฉบับให้แก่โจทก์ หนี้เดิมได้ระงับสิ้นไป จำเลยจึงไม่มีหน้าที่จะต้องชำระเงินตามฟ้องให้แก่โจทก์ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินให้แก่โจทก์ตามฟ้อง

จำเลยทั้งสามอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยทั้งสามฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า การที่จำเลยที่ 1 นำเช็คเอกสารหมาย จ.7, จ.8, จ.9 ซึ่งมีห้างหุ้นส่วนจำกัดสมคุณเศรษฐกิจ นายเอี้ยงจก แซ่ลิ้ม และนางกัญญาลักษณ์ กอพิทักษ์กุล เป็นผู้สั่งจ่ายตามลำดับ โดยจำเลยที่ 1 ได้สลักหลังเช็คดังกล่าวมาชำระหนี้ให้แก่โจทก์จะเรียกว่าเป็นการแปลงหนี้หรือไม่นั้น เห็นว่า การแปลงหนี้เป็นสัญญาระหว่างคู่กรณีเพื่อระงับหนี้เดิมก่อให้เกิดหนี้ใหม่ขึ้นผูกพันกันแทน หนี้เดิมเป็นอันระงับไป แต่ตามเช็คเอกสารหมาย จ.7,จ.8, จ.9 ไม่มีลักษณะเป็นการแปลงหนี้ระหว่างโจทก์กับห้างหุ้นส่วนจำกัดสมคุณเศรษฐกิจ นายเอี้ยงจก แซ่ลิ้ม และนางกัญญาลักษณ์ แต่ประการใด เพราะไม่มีการตกลงทำสัญญาแปลงหนี้กันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 349 ฟังได้แต่เพียงเป็นหลักฐานแสดงว่าโจทก์ได้รับเช็คเพื่อชำระหนี้เงินกู้เท่านั้น เพราะปรากฏจากหลักฐานการมอบเช็คชำระหนี้ เอกสารหมาย จ.10, จ.11, จ.12 มีข้อความระบุไว้อย่างชัดแจ้งว่าจำเลยที่ 1 มอบเช็คให้โจทก์เป็นการชำระหนี้ ไม่มีข้อความตอนใดบ่งไว้เลยว่ามีการแปลงหนี้แต่อย่างใดถ้าจะว่าเป็นการแปลงหนี้ด้วยวิธีเปลี่ยนตัวลูกหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 350 ก็ไม่ปรากฏว่าผู้สั่งจ่ายเช็คเอกสารหมาย จ.7, จ.8, จ.9 ซึ่งเป็นลูกหนี้ใหม่ได้เข้ามาให้ความยินยอมทำสัญญากับโจทก์ด้วย เห็นว่ากรณีเช่นนี้ไม่ใช่เป็นการแปลงหนี้ใหม่ดังที่จำเลยทั้งสามฎีกา ดังนั้นการที่โจทก์นำเช็คเอกสารหมาย จ.7, จ.8, จ.9 ไปขึ้นเงินไม่ได้นั้น หนี้เดิมระหว่างโจทก์กับจำเลยทั้งสามยังคงมีอยู่ หาได้ระงับสิ้นไปไม่ โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยทั้งสามชำระหนี้ที่ยังค้างอยู่อีกจำนวน 184,119 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยตามสัญญาร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินได้

พิพากษายืน

Share