แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การบรรยายฟ้องข้อหาฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรโดยบรรยายตอนต้นว่า มีคนร้ายลักทรัพย์นั้น แม้จะได้บรรยายไว้ในตอนต่อมาอีกว่า จำเลยได้เอาทรัพย์ที่คนร้ายลักไปนั้นขายให้แก่ผู้มีชื่อ ทั้งนี้โดยจำเลยเป็นคนร้ายลักทรัพย์ฉันรับหรือมิฉนั้นจำเลยก็รับทรัพย์นั้นไว้โดยรู้ว่าได้มาโดยการกระทำผิดฐานลักทรัพย์เช่นนี้ เป็นฟ้องที่สมบูรณ์แล้วไม่เคลือบคลุมแต่อย่างใด การที่โจทก์กล่าวในฟ้องถึงเรื่องจำเลยขายทรัพย์ของกลาง ย่อมเข้าใจได้ว่าเป็นทรัพย์ที่จำเลยลักหรือรับของโจรไว้แล้วนั่นเอง โจทก์จะกล่าวเรื่องขายทรัพย์ของกลางก่อนหรือเรื่องลักทรัพย์กับรับของโจรก่อนอยู่ที่การเรียบเรียง เรื่องขายทรัพย์ของกลางจึงเป็นเพียงข้อเท็จจริงประการหนึ่งซึ่งอย่างน้อยก็แสดงถึงมูลเหตุที่ทำให้ได้ตัวจำเลยและของกลาง และแม้โจทก์ไม่กล่าวมาในฟ้องก็อาจนำสืบได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ข้อ ๑. เมื่อ ๑๘ มี.ค. ๒๕๐๑ เวลากลางคืน มีคนร้ายเข้าไปในบ้านอันเป็นเคหะสถานที่อยู่อาศัยของนายบุญธรรม แล้วลักเอารถจักรยาน ๒ ล้อ ๑ คัน ราคา ๑,๔๐๐ บาท ของนายบุญธรรมไป ข้อ ๒. วันที่ ๒๑ มี.ค. ๒๕๐๑ จำเลยได้ขายรถจักรยาน ๒ ล้อ ของนายบุญธรรมซึ่งถูกคนร้ายลักไปดังกล่าวในข้อ ๑ ให้แก่ผู้มีชื่อและผู้มีชื่อได้ขายให้นายมานพอีกทอดหนึ่ง ต่อมาวันที่ ๖ เมษายน ๒๕๐๑ นายบุญธรรมเจ้าทรัพย์ยึดรถของกลางได้จากนายมานพ วันที่ ๑๔ เม.ย. ๒๕๐๑ ทั้งนี้ โดยตามวันเวลาดังกล่าวใน ข้อ ๒ จำเลยบังอาจเป็นคนร้ายลักรถจักรยานของนายบุญธรรม ดังกล่าวในข้อ ๑. ไป หรือมิฉะนั้น ระหว่างวันที่ ๑๘ มี.ค. ๒๕๐๑ ถึง ๒๑ มี.ค. ๒๕๐๑ เวลาไม่ปรากฏ จำเลยบังอาจรับเอารถจักรยานของกลางนี้ไว้โดยรู้อยู่แล้วว่า เป็นของร้ายซึ่งมีผู้ได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๔, ๓๓๕, ๓๕๗
จำเลยปฏิเสธ
ศาลแขวงลำปางสั่งว่า ฟ้องโจทก์ข้อ ๒ กล่าวว่า จำเลยขายรถจักรยานให้แก่ผู้มีชื่อ แต่สรุปตอนท้ายว่า จำเลยรับเอารถจักรยานของกลางไว้โดยรู้ว่าเป็นของร้าย จึงเป็นฟ้องที่ขัดกันในตัว ไม่พอให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ ไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา ๑๕๘ (๕) จึงไม่รับฟ้อง ของโจทก์ในข้อหาว่ารับของโจร จะไต่สวนมูลฟ้องเฉพาะข้อหาลักทรัพย์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้ศาลแขวงไต่สวนมูลฟ้องทั้งสองฐานตามฟ้องโจทก์
จำเลยฎีกาว่า ศาลแขวงสั่งชอบแล้ว
ศาลฎีกาเห็นว่า ฟ้องโจทก์ชัดเจนปราศจากข้อเคลือบคลุมสงสัย การที่โจทก์กล่าวถึงเรื่องจำเลยขายรถ ย่อมเข้าใจได้โดยแจ้งชัดว่า เป็นรถคันที่จำเลยลักหรือรับของโจรไว้แล้วนั่นเอง โจทก์จะกล่าวเรื่องขายรถก่อนหรือเรื่องลักทรัพย์กับรับของโจรก่อนอยู่ที่การเรียบเรียง เรื่องขายรถจึงเป็นเพียงข้อเท็จจริงประการหนึ่ง ซึ่งอย่างน้อยก็แสดงถึงมูลเหตุที่ทำให้ได้ตัวจำเลยและของกลาง และแม้โจทก์จะไม่กล่าวมาในฟ้องก็อาจนำสืบได้ ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์