คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1242/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าหนี้ฟ้องบังคับจำนอง ต่อมาเจ้าหนี้ลูกหนี้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดยลูกหนี้ยอมชำระเงินให้เจ้าหนี้ศาลพิพากษาตามยอม แม้สัญญายอมจะระบุให้คดีเป็นอันเลิกกันก็ตาม ก็หมายความได้แต่เพียงว่ายังไม่ขอบังคับตามสัญญาจำนองเท่านั้น หาใช่เป็นการปลดจำนองไม่ ฉะนั้นเมื่อลูกหนี้ผิดสัญญายอม มีการบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์จำนองไม่พอชำระหนี้ เจ้าหนี้อื่นย่อมไม่มีสิทธิขอเฉลี่ยหนี้ได้

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องจำเลยบังคับจำนองที่ดินให้จำเลยชำระต้นเงินและดอกเบี้ย มิฉะนั้นก็ขอให้สั่งขายทอดตลาด ต่อมาโจทก์จำเลยตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อหน้าศาล โดยจำเลยยอมใช้เงินให้โจทก์ 23,630 บาท ภายใน 3 เดือน ศาลจึงพิพากษาตามยอม ต่อมาจำเลยไม่ชำระเงิน โจทก์ขอให้ศาลออกหมายบังคับคดี ยึดที่ดินที่จำเลยจำนองออกขายทอดตลาด และโจทก์เป็นผู้ซื้อได้ราคา 22,200 บาท

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเฉลี่ยหนี้โดยอ้างว่าเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในอีกคดีหนึ่ง

โจทก์คัดค้าน

ศาลชั้นต้นเห็นว่า แม้จะมีสัญญาประนีประนอมยอมความกันก็จริงแต่ตราบใดที่จำเลยยังไม่ชำระหนี้ โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะถือสัญญาจำนองเป็นประกันหนี้ได้ หนี้ตามสัญญากู้ของโจทก์ยังหาระงับสิ้นไปไม่ สัญญาจำนองไม่ระงับ ให้ยกคำร้องของผู้ร้อง

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ความระงับสิ้นไปแห่งสัญญาจำนองมีบัญญัติไว้ในมาตรา 744 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บทที่จะนำมาปรับในคดีนี้ คือ ความในอนุมาตรา 2 ว่า “เมื่อปลดจำนองให้แก่ผู้จำนองด้วยหนังสือเป็นสำคัญ” สัญญาประนีประนอมยอมความที่โจทก์จำเลยทำไว้ต่อศาล หามีข้อความโจทก์ปลดจำนองให้แก่จำเลยไม่ แม้จะมีข้อความว่า “และให้คดีเป็นอันเลิกกัน” ก็หมายความได้แต่เพียงว่ายังไม่ขอบังคับตามสัญญาจำนองซึ่งประกันหนี้การกู้ยืมรายนี้เท่านั้นหาใช่การปลดจำนองตามมาตรา 744(2) ไม่ จึงไม่เป็นการสละสิทธิเรียกร้องการบังคับจำนองระงับสิ้นไปตามมาตรา 852 เงินที่ขายทอดตลาดได้ยังไม่คุ้มเงินต้นและดอกเบี้ยที่จำนองครอบถึง ที่ศาลล่างพิพากษาต้องกันมาให้ยกคำร้องขอเฉลี่ยของผู้ร้องชอบแล้ว ฎีกาผู้ร้องฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

Share