คำวินิจฉัยที่ 115/2557

แหล่งที่มา : ส่วนเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยฯ

ย่อสั้น

คดีที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นฟ้องว่า โจทก์มีหน้าที่ดูแลรักษาทรัพย์สินและจัดหาผลประโยชน์ในที่ดินของรัฐ มีผู้บุกรุกเข้าครอบครองในที่ดินบางส่วนอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินและขอออกโฉนดที่ดินทับที่ดินของรัฐโดยไม่มีหนังสือการแจ้งสิทธิครอบครอง (ส.ค. ๑) จำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินพิพาทจึงเป็นผู้รับโอนและครอบครองที่ดินพิพาทโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนโฉนดที่ดิน ห้ามจำเลยและบริวารเข้ายุ่งเกี่ยวกับที่ดินพิพาท เห็นว่า การที่ศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งในคดีนี้ได้นั้น ศาลจำต้องพิจารณาให้ได้ความเสียก่อนว่า ที่ดินพิพาทเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินตามที่โจทก์กล่าวอ้างหรือเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยเป็นสำคัญ แล้วจึงจะพิจารณาประเด็นอื่นต่อไป จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม

ย่อยาว

(สำเนา)

คำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
ที่ ๑๑๕/๒๕๕๗

วันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๗

เรื่อง คดีเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน

ศาลจังหวัดพัทยา
ระหว่าง
ศาลปกครองระยอง

การส่งเรื่องต่อคณะกรรมการ
ศาลจังหวัดพัทยาโดยสำนักงานศาลยุติธรรมส่งเรื่องให้คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลวินิจฉัยชี้ขาดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง (๓) ซึ่งเป็นกรณีคู่ความฝ่ายที่ถูกฟ้องโต้แย้งเขตอำนาจศาลที่รับฟ้องคดีและศาลที่ส่งความเห็นและศาลที่รับความเห็นมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องเขตอำนาจศาลในคดีนั้น

ข้อเท็จจริงในคดี
เมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๔ เมืองพัทยา โจทก์ ยื่นฟ้อง นายถิรพงศ์ นวังคสัตถุศาสน์ จำเลย ต่อศาลจังหวัดพัทยา เป็นคดีแพ่งหมายเลขดำที่ ๙๘๑/๒๕๕๔ ความว่า โจทก์เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีอำนาจหน้าที่ดำเนินการในเขตเมืองพัทยาเรื่องการคุ้มครองและดูแลรักษาทรัพย์สินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน เมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๑๐ กระทรวงมหาดไทยออกประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องมอบหมายให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี จัดหาผลประโยชน์ในที่ดินของรัฐ หาดแสม ซึ่งตั้งอยู่ด้านตะวันตกของเกาะล้าน ในท้องที่หมู่ที่ ๗ ตำบลนาเกลือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เนื้อที่ ๓๒๐ ไร่ ต่อมามีการจัดตั้งโจทก์ขึ้นตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการเมืองพัทยา พ.ศ. ๒๕๒๑ องค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรีได้โอนสิทธิต่าง ๆ ในที่ดินของรัฐ หาดแสม ดังกล่าว ให้โจทก์เป็นผู้ครอบครองดูแลและมีอำนาจจัดหาผลประโยชน์ ภายหลังจากประมวลกฎหมายที่ดินมีผลใช้บังคับแล้ว มีผู้บุกรุกเข้าไปครอบครองในที่ดินบางส่วนของหาดแสม อันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทที่รกร้างว่างเปล่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ในปี ๒๕๓๑ นางชูศรี แสงคร้าม ได้ขอออกโฉนดที่ดินโดยกรมที่ดินได้ออกโฉนดที่ดินเลขที่ ๓๔๘๙๕ ตำบลนาเกลือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เนื้อที่ ๕ ไร่ ๑๖ ตารางวา ปัจจุบันจำเลยเป็นผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินแปลงดังกล่าวซึ่งเป็นการออกโฉนดที่ดินโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากที่ดินพิพาทมีสภาพพื้นที่เป็นป่าเสื่อมโทรม ดินมีสภาพปฏิกิริยาเป็นกรดจำนวนมากไม่เหมาะแก่การเกษตรกรรม สภาพภูมิประเทศเป็นภูเขาซึ่งต้องห้ามมิให้ออกโฉนดที่ดิน และเป็นบริเวณที่หวงห้ามมิให้บุคคลใดทำด้วยประการใดให้เป็นการทำลายหรือทำให้เสื่อมสภาพที่ดิน ที่หิน ที่กรวด หรือที่ทราย เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ การออกโฉนดที่ดินพิพาทจึงเป็นการออกทับที่ดินของรัฐ หาดแสมบางส่วนโดยไม่ปรากฏว่ามีผู้ครอบครองที่ดินพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมายที่มีการแจ้งสิทธิครอบครอง (ส.ค. ๑) ใบจอง ใบเหยียบย่ำ ตราจอง หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทอยู่ก่อนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินมีผลใช้บังคับ จำเลยจึงเป็นผู้รับโอนและครอบครองที่ดินพิพาทโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ไม่สามารถใช้ประโยชน์ในที่ดินพิพาท ขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนโฉนดที่ดินพิพาท ห้ามจำเลยและบริวารเข้ายุ่งเกี่ยวกับที่ดินพิพาทอีกต่อไป
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เนื่องจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรีโอนสิทธิต่าง ๆ ในที่ดินของรัฐ หาดแสม ให้แก่โจทก์นั้น เป็นเพียงการโอนสิทธิการให้เช่าที่ดินเท่านั้น นางชูศรีขอรังวัดออกโฉนดที่ดินตามระเบียบขั้นตอนโดยชอบด้วยกฎหมาย รวมทั้งหน่วยราชการต่าง ๆ ที่มีหน้าที่ดูแลบริเวณที่ดินพิพาท เช่น โจทก์ ที่ว่าการอำเภอบางละมุง กองทัพเรือ ก็มาระวังแนวเขต โจทก์ไม่เคยคัดค้านการขอออกโฉนดที่ดินพิพาท นอกจากนี้ จำเลยประมูลซื้อที่ดินพิพาทจากการขายทอดตลาดของสำนักงานบังคับคดีจังหวัดชลบุรี สาขาพัทยา ซึ่งเป็นการซื้อตามสำเนาโฉนดที่ดิน เมื่อขอออกใบแทนได้ทำการประกาศให้หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องทราบ โจทก์ไม่ได้คัดค้านการออกใบแทนและนางชูศรีได้เข้าครอบครองทำประโยชน์จากผู้มีชื่อเจ้าของที่ดินพิพาทเดิมมาโดยตลอดนานกว่า ๗๐ ปี ก่อนประมวลกฎหมายที่ดินมีผลบังคับใช้ ที่ดินพิพาทได้รับการออกโฉนดโดยถูกต้องตามกฎหมายและจำเลยได้กรรมสิทธิ์มาจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลย่อมมิเสียไป ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยยื่นคำร้องโต้แย้งเขตอำนาจศาลว่า ข้อพิพาทในคดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง
ศาลจังหวัดพัทยาพิจารณาแล้วเห็นว่า การที่ศาลจะมีคำพิพากษาตามคำขอของโจทก์ได้นั้น จำต้องพิจารณาให้ได้ความเสียก่อนว่า ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินของรัฐ หาดแสม อันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทที่รกร้างว่างเปล่าตามที่โจทก์กล่าวอ้าง หรือเป็นที่ดินของจำเลยที่ได้กรรมสิทธิ์มาโดยชอบด้วยกฎหมาย แล้วจึงจะพิจารณาประเด็นอื่นต่อไป จึงเป็นคดีเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน อันอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม
ศาลปกครองระยองพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้โจทก์เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและมีฐานะเป็นนิติบุคคลตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการเมืองพัทยา พ.ศ. ๒๕๔๒ โจทก์จึงเป็นหน่วยงานทางปกครองตามมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ มีอำนาจหน้าที่ในการจัดระบบการบริการสาธารณะเพื่อประโยชน์ของประชาชนในท้องถิ่นของตนเองในเขตเมืองพัทยาในเรื่องการคุ้มครองและดูแลรักษาที่สาธารณะ รวมถึงทรัพย์สินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ตามมาตรา ๖๒ (๓) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการเมืองพัทยา พ.ศ. ๒๕๔๒ ประกอบกับมาตรา ๑๖ (๒๗) แห่งพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๒ เมื่อคดีนี้โจทก์ฟ้องว่า เจ้าพนักงานที่ดินได้ออกโฉนดที่ดินเลขที่ ๓๔๘๙๕ ตำบลนาเกลือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ให้แก่นางชูศรี และโอนมาเป็นของจำเลยในภายหลัง ทับที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินที่โจทก์ดูแลรักษาเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ศาลเพิกถอนโฉนดที่ดินดังกล่าว ห้ามจำเลยและบริวารเข้ามายุ่งเกี่ยวกับที่ดินพิพาทอีกต่อไป กรณีตามคำฟ้องจึงเป็นข้อพิพาทเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของโจทก์ในการคุ้มครองและดูแลรักษาที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินไว้เพื่อส่วนรวม อันเป็นคดีพิพาทระหว่างหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกับเอกชนอันเนื่องมาจากการใช้อำนาจทางปกครองตามกฎหมาย อันอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง ตามมาตรา ๒๒๓ วรรคหนึ่ง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒

คำวินิจฉัย
ปัญหาที่ต้องพิจารณา คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรมหรือศาลปกครอง
คณะกรรมการพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้โจทก์เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นยื่นฟ้องเอกชน ว่าโจทก์มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการในเขตเมืองพัทยาเรื่องการคุ้มครองและดูแลรักษาทรัพย์สินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน และจัดหาผลประโยชน์ในที่ดินของรัฐ หาดแสม มีผู้บุกรุกเข้าไปครอบครองในที่ดินบางส่วนของหาดแสมเนื้อที่ ๓๒๐ ไร่ และในปี ๒๕๓๑ มีผู้ขอออกโฉนดที่ดินโดยกรมที่ดินได้ออกโฉนดที่ดินเลขที่ ๓๔๘๙๕ เนื้อที่ ๕ ไร่ ๑๖ ตารางวา ทับที่ดินของรัฐ หาดแสม โดยไม่มีการแจ้งสิทธิครอบครอง (ส.ค. ๑) ปัจจุบันจำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่พิพาท จำเลยจึงเป็นผู้รับโอนและครอบครองที่ดินพิพาทโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนโฉนดที่ดิน ห้ามจำเลยและบริวารเข้ายุ่งเกี่ยวกับที่ดินพิพาท จำเลยให้การว่า ผู้มีชื่อขอรังวัดออกโฉนดที่ดินโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยประมูลซื้อที่ดินพิพาทจากการขายทอดตลาดของสำนักงานบังคับคดีจังหวัดชลบุรี สาขาพัทยา ผู้มีชื่อได้เข้าครอบครองทำประโยชน์จากเจ้าของที่พิพาทเดิมมาโดยตลอด ก่อนประมวลกฎหมายที่ดินมีผลบังคับใช้ ขอให้ยกฟ้อง เห็นว่า การที่ศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งในคดีนี้ได้นั้น ศาลจำต้องพิจารณาให้ได้ความเสียก่อนว่า ที่ดินพิพาทเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินตามที่โจทก์กล่าวอ้างหรือเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยเป็นสำคัญ แล้วจึงจะพิจารณาประเด็นอื่นต่อไป จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม
จึงวินิจฉัยชี้ขาดว่า คดีระหว่าง เมืองพัทยา โจทก์ นายถิรพงศ์ นวังคสัตถุศาสน์ จำเลย อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม

(ลงชื่อ) ดิเรก อิงคนินันท์ (ลงชื่อ) จิรนิติ หะวานนท์
(นายดิเรก อิงคนินันท์) (นายจิรนิติ หะวานนท์)
ประธานศาลฎีกา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลยุติธรรม

(ลงชื่อ) ลาประชุม (ลงชื่อ) จรัญ หัตถกรรม
(นายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล) (นายจรัญ หัตถกรรม)
ประธานศาลปกครองสูงสุด กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลปกครอง

(ลงชื่อ) พลเรือโท ปรีชาญ จามเจริญ (ลงชื่อ) พลตรี พัฒนพงษ์ เกิดอุดม
(ปรีชาญ จามเจริญ) (พัฒนพงษ์ เกิดอุดม)
หัวหน้าสำนักตุลาการทหาร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลทหาร

(ลงชื่อ) จิระ บุญพจนสุนทร
(นายจิระ บุญพจนสุนทร)
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ

Share