แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานมาเบิกความว่าเห็นจำเลยเป็นคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย คงมีเพียงพนักงานสอบสวนมาเบิกความว่าได้สอบสวนพยานผู้รู้เห็นเหตุการณ์ คือ ล.บ. และ ช. ทราบว่าจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย ซึ่งเป็นเพียงพยานบอกเล่าเท่านั้น ทั้งคำรับสารภาพของจำเลยในชั้นจับกุมและสอบสวนจำเลยก็ปฏิเสธว่าไม่ได้ให้การรับสารภาพด้วยความสมัครใจ คำรับสารภาพของจำเลยดังกล่าวจึงไม่มีน้ำหนักในการรับฟัง ลำพังบันทึกคำให้การในชั้นสอบสวนที่ไม่มีพยานหลักฐานอื่นมาสนับสนุนจะนำมารับฟังเพื่อลงโทษจำเลยไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ให้จำคุกตลอดชีวิต จำเลยให้การรับสารภาพชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน เป็นประโยชน์แก่การพิจารณานับเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78เปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็น 50 ปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 53คงลงโทษจำคุก 33 ปี 4 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังได้ว่าตามวันเวลาและสถานที่ที่โจทก์ฟ้องได้มีคนร้ายใช้อาวุธปืนลูกซองยิงนายทวีศักดิ์หรือตี๋ มณีวงศ์ ถึงแก่ความตาย ตามรายงานชันสูตรพลิกศพท้ายฟ้อง คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยเป็นคนร้ายรายนี้หรือไม่ เห็นว่า โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานมาเบิกความว่า เห็นจำเลยเป็นคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย คงมีเพียงพันตำรวจโททักษิณ พ่วงเงิน พนักงานสอบสวนมาเบิกความว่าได้สอบสวนพยานผู้รู้เห็นเหตุการณ์คือนางแหล่ กองสุวรรณ นายบางหรือประยงค์ สมวงษ์ และนายชัยสิทธิ์ หรือตุ๋ย กลมกล่อมทราบว่าจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย ซึ่งเป็นเพียงพยานบอกเล่าเท่านั้นทั้งคำรับสารภาพของจำเลยในชั้นจับกุมและสอบสวนตามเอกสารหมายป.จ.1 และ จ.12 นั้น จำเลยก็ปฏิเสธว่าไม่ได้ให้การรับสารภาพด้วยความสมัครใจ คำรับสารภาพของจำเลยดังกล่าวจึงไม่มีน้ำหนักในการรับฟัง ลำพังบันทึกคำให้การในชั้นสอบสวนที่ไม่มีพยานหลักฐานอื่นมาสนับสนุนจะนำมารับฟังเพื่อลงโทษจำเลยไม่ได้
พิพากษายืน