แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า เป็นฎีกาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 วรรคสอง ไม่รับฎีกา
จำเลยเห็นว่า ฎีกาที่ว่าการที่โจทก์จำเลยตกลงกันในคำท้าให้นายธนุธรรมกุลหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายมาเป็นผู้ชี้ขาดว่าที่พิพาทใครเป็นผู้เช่า แต่ผู้มาชี้ขาดคือนายอุดมเผือกรัตน์ ผู้ช่วยสารวัตร บำรุงทางของการรถไฟฯซึ่งไม่ทราบรายละเอียดในข้อสัญญาเช่า จึงไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของจำเลยตามคำท้านั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 72)
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำเลยและบริวารออกจากที่ดินพื้นที่สีแดงตามเอกสารหมาย จ.2 ซึ่งตั้งอยู่บริเวณย่านสถานีรถไฟท่าเรือน้อย ตำบลท่าเรือ อำเภอท่ามะกาจังหวัดกาญจนบุรี
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับดังกล่าว (อันดับ 69)
จำเลยยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 71)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า นายอุดมเผือกรักษ์ผู้ได้รับมอบหมายจากนายธนุธรรมกุล ไปดูที่พิพาทแล้วเบิกความยืนยันว่า จำเลยเข้าไปอยู่ในที่ดินที่โจทก์เช่าจากการรถไฟแห่งประเทศไทยจริง จึงพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้จำเลยแพ้คดีตามคำท้า จำเลยฎีกาทำนองว่านายอุดมเผือกรักษ์มิได้เป็นผู้ที่ได้รับมอบหมายจากนายธนุธรรมกุล โดยเฉพาะเจาะจง แต่เป็นการมอบหมายตามลำดับชั้น ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของจำเลยตามคำท้า จึงเท่ากับจำเลยโต้เถียงว่านายอุดมเผือกรักษ์ มิได้เป็นผู้รับมอบหมายจากนายธนุ ธรรมกุล ตามคำท้า เป็นการโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริงมิใช่ปัญหาข้อกฎหมาย คดีนี้เป็นคดีฟ้องขับไล่บุคคลใด ๆ ออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละหนึ่งหมื่นบาท ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคสองศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้องค่าคำร้องเป็นพับ