แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุกจำเลยตามความผิดกระทงหนึ่ง 3 ปี อีกกระทงหนึ่ง 1 ปี รวมเป็นโทษจำคุก 4 ปี แล้วเพิ่มโทษอีกกึ่งหนึ่งเป็น 6 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน คู่ความจะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ เพราะโทษแต่ละกระทงไม่ถึง 5 ปี
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2496 เวลากลางวัน จำเลยทั้งสองได้ใช้ศาสตราวุธขู่เข็ญและฉุดคร่านางสาวแจ บุญศรี ไปเพื่อการอนาจาร แล้วจำเลยที่ 1 ได้ข่มขืนกระทำชำเรานางสาวแจ 3 ครั้งจำเลยเคยต้องโทษมาก่อน ขอให้ลงโทษและเพิ่มโทษ
จำเลยที่ 1 รับว่าได้ฉุดคร่าผู้เสียหาย เพื่อการอนาจารจริงแต่ปฏิเสธว่าไม่ได้ข่มขืนกระทำชำเรา จำเลยที่ 2 ปฏิเสธ ข้อต้องโทษและพ้นโทษจำเลยทั้งสองรับตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 ผิด กฎหมายอาญา มาตรา 243จำคุก 3 ปี และผิด มาตรา 276 จำคุก 1 ปีรวมจำคุกจำเลยที่ 1 สองกระทง4 ปี เพิ่มโทษตามมาตรา 73 กึ่งหนึ่ง เป็น 6 ปี และให้กักกันจำเลยที่ 1 มีกำหนด 5 ปี ส่วนจำเลยที่ 2 ผิด มาตรา 276 จำคุก 6 เดือนเพิ่มโทษตาม มาตรา 72 อีก 1 ใน 3 เป็น 8 เดือน
จำเลยที่ 1 ผู้เดียวอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 แต่ละกระทง ไม่เกิน 5 ปี จำเลยที่ 1 จะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ จึงพิพากษาให้ยกฎีกาของจำเลยที่ 1 เสีย