คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1113/2535

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

การร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1) ศาลไม่จำต้องอนุญาตทุกกรณีไป ต้องแล้วแต่ว่ามีเหตุสมควรที่จะอนุญาตหรือไม่

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยแบ่งทรัพย์มรดกของนายหยี่ คงส่าน คือที่ดินเนื้อที่ประมาณ 47 ไร่ 1 งาน 27 ตารางวาให้โจทก์ 1 ใน 4 ส่วน หากการแบ่งทรัพย์มรดกดังกล่าวไม่อาจกระทำได้ก็ให้ประมูลระหว่างทายาทหรือนำออกขายทอดตลาดเอาเงินที่ได้แบ่งให้แก่โจทก์ 1 ใน 4 ส่วน
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้กระทำการใดอันเป็นการโต้แย้งสิทธิหรือหน้าที่ของโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณา ผู้ร้องสอดยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคุ่ความฝ่ายที่สาม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1)และร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา ขอให้ศาลพิพากษาว่า ผู้ร้องสอดมีสิทธิในที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เลขที่ 11หมู่ที่ 6 ตำบลนาจอมเทียน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เนื้อที่1 ไร่ 44 ตารางวา เป็นของผู้ร้องสอด 1 ใน 3 ส่วน ร่วมกับโจทก์ และนายบานเย็น คงส่าน และที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3) เลขที่ 13 หมู่ที่ 6 ตำบลนาจอมเทียน อำเภอสัตหีบจังหวัดชลบุรี เนื้อที่ 46 ไร่ 1 งาน 17 ตารางวา เป็นของผู้ร้องสอดเพียงผู้เดียว ห้ามโจทก์จำเลยเกี่ยวข้องกับที่ดินทั้งสองแปลงดังกล่าว
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า พฤติการณ์แห่งคดีมีการดำเนินคดีมาเป็นเวลาประมาณ 2 ปี สืบพยานจำเลยมาจนจะเสร็จแล้ว การร้องเข้ามาในคดีทำให้คดีมีเหตุยุ่งยาก ไม่มีเหตุสมควรให้ผู้ร้องร้องสอดเข้ามาในคดี หากผู้ร้องติดใจก็ให้ดำเนินคดีต่างหากจากคดีนี้ ไม่จำต้องไต่สวนคำร้องยกคำร้อง ผู้ร้องสอดอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่าการที่ผู้ร้องสอดร้องสอดเข้ามาในคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1) นั้น มิได้หมายความว่าศาลต้องอนุญาตทุกกรณีไป ศาลย่อมมีอำนาจพิจารณาว่ามีเหตุสมควรอนุญาตหรือไม่ ปรากฏว่าคดีนี้ได้ดำเนินมา 2 ปี และสืบพยานฝ่ายจำเลยจวนจะเสร็จแล้วการอนุญาตให้ผู้ร้องสอดเข้ามาในคดีจะทำให้คดียุ่งยาก จึงไม่สมควรที่จะรับคำร้องสอดไว้พิจารณา ดังนั้นเมื่อคำร้องสอดเป็นคำฟ้องและกรณีดังกล่าวถือว่าคำร้องสอดไม่มีมูลที่จะร้องสอดเพื่อให้ศาลชั้นต้นรับไว้พิจารณาได้ การที่ศาลชั้นต้นสั่งงดไต่สวนและยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของผู้ร้องสอด จึงชอบแล้วให้ยกคำร้อง ผู้ร้องสอดฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาในชั้นนี้ว่า มีเหตุที่จะอนุญาตให้ผู้ร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความในคดีนี้หรือไม่ พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า การร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1) นั้น ศาลไม่จำต้องอนุญาตทุกกรณีไป ต้องแล้วแต่เหตุสมควร ตามพฤติการณ์แห่งคดีนี้ ผู้ร้องสอดยื่นคำร้องขอเข้ามาเป็นคู่ความฝ่ายที่สามเมื่อศาลชั้นต้นได้พิจารณาคดีไปจนกระทั่งสืบพยานจำเลยจะเสร็จสิ้นแล้ว และหากผู้ร้องสอดมีสิทธิดังที่อ้างในคำร้องก็ย่อมยกสิทธิเช่นว่านั้นขึ้นอ้างยันผู้อื่นหรือมีสิทธิที่จะดำเนินคดีต่อผู้เกี่ยวข้องได้เป็นอีกคดีหนึ่งต่างหาก กรณีของผู้ร้องสอดยังไม่มีเหตุสมควรที่จะอนุญาตให้ผู้ร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความฝ่ายที่สามได้ตามคำร้อง คำสั่งศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว ฎีกาของผู้ร้องสอดฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share