แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนคำสั่งให้ผู้ร้องเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ โดยอ้างว่าผู้ร้องไม่ได้ประพฤติตัวสุรุ่ยสุร่าย สามารถดูแลตนเองได้เช่นปกติทั่วไป มีร่างกายแข็งแรง มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ สามารถพูดคุยกับบุคคลทั่วไปได้ตามปกติแล้วนั้น หากศาลมีคำสั่งตามคำร้องขอของผู้ร้องก็จะมีผลกระทบต่อสิทธิ สถานะและความสามารถของผู้ร้องซึ่งต้องบังคับตาม ป.พ.พ. บรรพ 1 ลักษณะ 2 มาตรา 32 และมาตรา 36 จึงเป็นคดีครอบครัว แม้ว่าคดีนี้เดิมศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เป็นศาลที่มีคำสั่งว่า ผู้ร้องเป็นคนเสมือนไร้ความมาสารถเนื่องจากขณะนั้นศาลเยาวชนและครอบครัวยังไม่เปิดทำการในท้องที่ดังกล่าว แต่เมื่อขณะผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนคำสั่งศาลให้ผู้ร้องเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ ศาลเยาวชนและครอบครัวเปิดทำการแล้ว ศาลเยาวชนและครอบครัวจึงเป็นศาลที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนี้ตาม พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 10 (3)
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2540 ศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์มีคำสั่งให้ผู้ร้องเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถและอยู่ในความพิทักษ์ของนางสาว ป. น้องสาวของผู้ร้อง ต่อมานางสาว ป. ถึงแก่ความตาย ศาลมีคำสั่งให้ผู้ร้องอยู่ในความพิทักษ์ของนาง ต. มารดาของผู้ร้อง ขณะนี้นาง ต. ถึงแก่ความตายไปแล้วเช่นกัน
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า ปัจจุบันผู้ร้องไม่ได้ประพฤติตัวสุรุ่ยสุร่าย สามารถดูแลตนเองได้เช่นปกติทั่วไป มีร่างกายแข็งแรง มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ สามารถพูดคุยกับบุคคลทั่วไปได้ตามปกติ ขอให้มีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งที่ให้ผู้ร้องเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ
ศาลประกาศนัดไต่สวนตามระเบียบแล้ว ไม่มีผู้ใดคัดค้าน
ในวันนัดฟังประเด็นกลับ ศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เห็นว่า กรณีมีปัญหาว่า คดีนี้จะอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลเยาวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งสำนวนให้ประธานศาลฎีกาวินิจฉัย ตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 11
วินิจฉัยว่า การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนคำสั่งให้ผู้ร้องเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ โดยอ้างว่าผู้ร้องไม่ได้ประพฤติตัวสุรุ่ยสุร่าย สามารถดูแลตนเองได้เช่นปกติทั่วไป มีร่างกายแข็งแรง มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ สามารถพูดคุยกับบุคคลทั่วไปได้ตามปกติแล้วนั้น หากศาลมีคำสั่งตามคำร้องขอของผู้ร้องก็จะมีผลกระทบต่อสิทธิ สถานะและความสามารถของผู้ร้องซึ่งต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 1 ลักษณะ 2 มาตรา 32 และมาตรา 36 จึงเป็นคดีครอบครัว แม้ว่าคดีนี้เดิมศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เป็นศาลที่มีคำสั่งว่า ผู้ร้องเป็นคนเสมือนไร้ความมาสารถเนื่องจากขณะนั้นศาลเยาวชนและครอบครัวยังไม่เปิดทำการในท้องที่ดังกล่าว แต่เมื่อขณะผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนคำสั่งศาลให้ผู้ร้องเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ ศาลเยาวชนและครอบครัวเปิดทำการแล้ว ศาลเยาวชนและครอบครัวจึงเป็นศาลที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนี้ตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 10 (3)
วินิจฉัยว่า คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลเยาวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ 7 เดือน กรกฎาคม พุทธศักราช 2557
(ลงชื่อ) ดิเรก อิงคนินันท์
(นายดิเรก อิงคนินันท์)
ประธานศาลฎีกา