คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1104/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้ จำเลยให้การว่าไม่ได้กู้ ความจริงโจทก์ให้เงินจำเลยไปหากำไรทางดอกเบี้ยซึ่งโจทก์ได้ให้จำเลยที่ 1 ลงชื่อในแบบพิมพ์สัญญากู้ ให้จำเลยที่ 2 ลงชื่อในช่องผู้ค้ำประกันด้านหลังโดยยังไม่ได้กรอกข้อความและวันเดือนปีหรือลงจำนวนเงินในสัญญากู้นั้นเลย โจทก์สมคบกับพยานและผู้เขียนกรอกข้อความและจำนวนปลอมขึ้น ดังนี้ การที่จำเลยนำสืบตามข้อต่อสู้นี้ ไม่ถือว่าจำเลยนำสืบเจตนาเป็นอย่างอื่น แต่เป็นการนำสืบถึงมูลเหตุแห่งสัญญากู้และสัญญาค้ำประกันนั้นว่าไม่สมบูรณ์ จำเลยย่อมมีสิทธินำสืบได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 วรรคท้าย
การที่โจทก์มากรอกข้อความลงในสัญญากู้และค้ำประกันในจำนวนเงินเกินว่าจำนวนหนี้ที่เป็นจริง โดยจำเลยมิได้รู้เห็นยินยอมด้วย สัญญากู้และค้ำประกันดังกล่าวจึงไม่สมบูรณ์ จำเลยไม่ต้องรับผิด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ ได้กู้เงินโจทก์ไป ๘,๐๐๐ บาท จำเลยที่ ๒ เป็นผู้ค้ำประกันและรับเงินไปแล้ว ถึงกำหนดชำระโจทก์ทวงถามจำเลยทั้งสองก็ไม่ชำระ ขอให้บังคับจำเลยใช้ต้นเงินและดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ ๑ ไม่ได้กู้เงินโจทก์ ๘,๐๐๐ บาทตามสัญญาฟ้อง ความจริงโจทก์ให้จำเลยที่ ๑ เอาเงินไปตกข้าวโพดจากชาวไร่เพื่อหากำไรทางดอกเบี้ย คือ เงินร้อยบาทคิดดอกเบี้ยเป็นข้าวโพดห้าถัง จำเลยที่ ๑ เอาเงินโจทก์ไปตกข้าวโพดรวม ๔ ครั้ง เป็นจำนวนเงิน ๒,๕๕๐ บาท และเอาเสื้อผ้าของโจทก์ไปอีกคิดเป็นราคาเงิน ๘๑๘ บาท รวมเป็นเงิน ๓,๓๖๘ บาท โจทก์ให้จำเลยที่ ๑ ลงชื่อในแบบพิมพ์สัญญากู้เงินในช่องผู้กู้ และให้จำเลยที่ ๒ ลงชื่อในช่องผู้ค้ำประกันด้านหลัง โดยยังไม่ได้กรอกข้อความ และวันเดือนปีหรือลงจำนวนเงินในสัญญากู้นั้นเลย โจทก์สมคบกับพยานและผู้เขียนกรอกข้อความและจำนวนเงินปลอมขึ้น เงิน ๘,๐๐๐ บาทตามโจทก์ฟ้อง จำเลยที่ ๑ ไม่ได้รับ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสองได้ลงชื่อไว้ในเอกสารตามฟ้องโดยไม่กรอกข้อความ โจทก์ลงข้อความและจำนวนเงินไปโดยไม่ได้รับความยินยอมของจำเลย สัญญากู้จึงไม่สมบูรณ์ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาปัญหาข้อกฎหมายว่า โจทก์ฟ้องกู้ยืมเงิน จำเลยจะนำสืบเจตนาเป็นอย่างอื่นไม่ได้ เพราะนิติกรรมปรากฏชัดแล้ว
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้จำเลยให้การต่อสู้ว่าจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ไม่ได้กู้เงินและค้ำประกันตามฟ้อง แต่ได้ลงชื่อในแบบของสัญญากู้และค้ำประกันโดยยังไม่ได้กรอกข้อความและจำนวนเงิน แล้วโจทก์มากรอกปลอมขึ้น จึงเป็นการต่อสู้ว่าหนี้ตามสัญญากู้และค้ำประกันที่ฟ้องนั้นไม่สมบูรณ์ จำเลยมีสิทธินำสืบได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๙๔ วรรคท้าย การที่โจทก์มากรอกข้อความลงในสัญญากู้และค้ำประกันในจำนวนเงินเกินกว่าจำนวนหนี้ที่เป็นจริงโดยจำเลยมิได้รู้เห็นยินยอมด้วย สัญญากู้และค้ำประกันดังกล่าวจึงไม่สมบูรณ์ จำเลยไม่ต้องรับผิด พิพากษายืน

Share