แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามสัญญาซื้อขายมีชื่อสามีจำเลยเป็นผู้ซื้อ แต่ผู้เดียวนั้นโจทก์มีสิทธิที่จะนำสืบได้ว่าตนมีส่วนออกเงินร่วมด้วยในการทำสัญญานั้น ไม่เรียกว่า เป็นการนำสืบแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงเอกสารที่ห้ามไว้ตามมาตรา 94 ( ข) ป.ม.วิ.แพ่ง เพราะเป็นการนำสืบถึงข้อเท็จจริงส่วนหนึ่ง มิได้เปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในตัวสัญญานั้นเลย.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์กับสามีจำเลยได้ออกเงินซื้อที่ดินจากนายพัด แต่ให้สามีจำเลยลงชื่อในสัญญาแต่ผู้เดียว แล้วโจทก์กับสามีจำเลยได้แบ่งปันที่ดินกันครอบครองเป็นส่วนสัด สามีจำเลยตาย โจทก์, จำเลย ต่างครอบครองที่ดินตามส่วนแบ่งต่อไป เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๙ จำเลยได้บุกรุกทำลายข้าวกล้าของโจทก์เสียหาย และแย่งกรรมสิทธิ จึงขอให้ศาลแสดงว่า ที่พิพาทหมายสีแดงเป็นของโจทก์ แล้วขับไล่จำเลยและเรียกค่าเสียหาย จำเลยให้การว่าที่ดินตามโจทก์ฟ้อง เป็นของสามีจำเลย ๆ ตาย ที่ดินทั้งหมดจึงตกเป็นมฤดกแก่จำเลย ศาลชั้นต้นฟังว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์พิพากษาให้ขับไล่ และให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย ๑,๐๐๐ บาท ศาลอุทธรณ์แก้ฉะเพาะข้อค่าเสียหายให้จำเลยให้แก่โจทก์ ๕๐๐ บาท นอกนั้นยืน
จำเลยฎีกา, ศาลชั้นต้นสั่งรับฉะเพาะฎีกาข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อที่ว่าตามสัญญาที่ทำกับนายพัดสามีจำเลยจะออกเงินแต่ผู้เดียวหรือโจทก์มีส่วนร่วมด้วยนั้น ในกรณีย์เช่นนี้ โจทก์มีสิทธิจะนำสืบได้ว่า ตนมีส่วนออกเงินร่วมด้วยในการทำสัญญานั้น ไม่เป็นการนำสืบแก้ไข หรือเปลี่ยนแปลงเอกสารที่ห้ามไว้ตาม มาตรา ๙๔(ข) ป.ม.วิ.แพ่ง เพราะเป็นการนำสืบถึงข้อเท็จจริงส่วนหนึ่ง มิได้เปลี่ยนแปลงข้อความในตัวสัญญานั้นเลย
พิพากษายืน