แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยขาดนัดพิจารณา และศาลได้อ่านคำพิพากษาแล้วจำเลยจะมายื่นคำร้องขอแก้ไขหรือเพิกถอนการพิจารณาที่ผิดพลาดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 27 ไม่ได้เพราะการขอแก้ไขตามมาตรานี้จะต้องกระทำก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา
คำขอให้พิจารณาคดีใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 ต้องกล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งเหตุที่คู่ความได้ขาดนัดและข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลหากคำขอของจำเลยมิได้มีข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลโดยละเอียดชัดแจ้งก็ไม่ต้องด้วยบทบัญญัติมาตรา 208 อันจะควรรับไว้พิจารณา
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระหนี้เงินกู้ตามสัญญา จำเลยต่อสู้ว่าจำเลยไม่เคยรับเงินจากโจทก์ สัญญากู้นั้นปลอม
ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยเซ็นทราบวันเวลานัดพิจารณาแล้ว ถึงวันนัดจำเลยขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีโจทก์ไปฝ่ายเดียว แล้วพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้เงินกู้ตามฟ้อง
จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนและให้โอกาสจำเลยต่อสู้คดีศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกคำร้องของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า จำเลยขาดนัดพิจารณาจริงและเห็นว่า การที่จำเลยจะยื่นคำร้องขอแก้ไขหรือเพิกถอนการพิจารณาที่ผิดพลาดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 27 นั้น จำเลยจะต้องกระทำก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา จำเลยจะมายื่นคำขอภายหลังที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้วไม่ได้ เพราะเท่ากับขอให้ศาลชั้นต้นสั่งเพิกถอนคำพิพากษาของศาลชั้นต้นเอง ซึ่งศาลชั้นต้นไม่มีอำนาจจะทำได้ ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า หากจะถือว่าคำขอของจำเลยเป็นคำขอให้พิจารณาคดีใหม่ตามมาตรา 208 แม้จำเลยจะไม่ได้คัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาล แต่ปรากฏหลักฐานตามสำนวนแล้วว่าจำเลยมีทางชนะคดีโจทก์ คำขอจำเลยจึงเป็นคำขอที่ควรรับไว้พิจารณา เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 คำขอเช่นว่ามานี้ให้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งเหตุที่คู่ความได้ขาดนัดและข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาล คำขอของจำเลยจึงไม่ต้องด้วยบทบัญญัติมาตรา 208 อันควรรับไว้พิจารณา
พิพากษายืน ยกฎีกาจำเลย