คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1474/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำรั้วและนำชี้เขตที่ดินรุกล้ำที่ดินของโจทก์ประมาณ 25 ตารางวา จำเลยให้การว่ามิได้รุกล้ำ หากรุกล้ำก็ได้ครอบครองเป็นเจ้าของโดยสงบและเปิดเผยมาถึง 23 ปีแล้ว ขอให้ยกฟ้อง ดังนี้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังว่าจำเลยได้ครอบครองที่พิพาทมากว่า 10 ปีแล้ว ศาลก็ย่อมจะพิพากษาเพียงว่าให้ยกฟ้องของโจทก์เท่านั้น จะพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย โดยจำเลยมิได้ฟ้องแย้งด้วยมิได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มีกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่ 7321 ซึ่งอยู่ติดกับที่ดินโฉนดที่ 7322 ของจำเลย เมื่อเดือน 5 หรือ 6 พ.ศ. 2501 จำเลยได้ทำรั้วสังกะสีรุกล้ำเข้ามาในที่ดินของโจทก์ คิดเป็นเนื้อที่ประมาณ 6 ตารางวาเศษ ต่อมาเมื่อเจ้าพนักงานไปทำแผนที่กลาง จำเลยกลับชี้เขตที่ดินรุกล้ำเข้ามาอีก โจทก์จึงขอเพิ่มเติมฟ้องว่าจำเลยรุกล้ำที่ดินของโจทก์ทั้งหมดประมาณ 25 ตารางวา ปรากฏตามแผนที่กลางขอให้ศาลบังคับให้จำเลยรื้อรั้วและห้ามจำเลยและบริวารมิให้เกี่ยวข้องในที่ดินของโจทก์

จำเลยให้การว่า จำเลยได้กั้นรั้วสังกะสีตามแนวรั้วลวดหนามเดิม มิได้รุกล้ำที่ดินของโจทก์ หากรุกล้ำจำเลยก็ได้ครอบครองเป็นเจ้าของโดยสงบและเปิดเผยมาถึง 23 ปีแล้ว ย่อมได้กรรมสิทธิ์ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นฟังว่า ตามแนวที่จำเลยนำชี้ในแผนที่กลางหมาย 3 ตั้งแต่จุด ก. ตรงผ่านไปยังจุด ข. ไปจนสุดเขตที่ดินโจทก์จำเลยเป็นเขตที่ดินของจำเลยตามที่จำเลยครอบครองมา แต่ไม่ให้เกินกว่าเขตภายในเส้นสีเขียวในแผนที่กลางหมาย 1 พิพากษาว่า ที่ดินพิพาทภายในเขตที่ดินของจำเลยดังกล่าวเป็นของจำเลย ให้ยกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้ครอบครองที่ดินพิพาทถึงตรอกทางเดินมากว่า 10 ปีแล้ว แม้จะล้ำเข้าไปในเขตโฉนดของโจทก์บ้าง โจทก์ก็จะอ้างขึ้นยันจำเลยว่าที่พิพาทซึ่งจำเลยครอบครองยังเป็นของตนอยู่มิได้ แต่ในข้อที่ว่าศาลพิพากษาให้ที่พิพาทตามแนวเขตที่จำเลยนำชี้ในแผนที่กลางหมาย 3 เป็นของจำเลยนั้น จำเลยมิได้ฟ้องแย้งขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทส่วนนั้นเป็นของจำเลย การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่พิพาทให้ที่พิพาทภายในเขตที่ดินของจำเลยดังกล่าวเป็นของจำเลยนั้น จึงเกินเลยไป

พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์อย่างเดียว

Share